svasdssvasds

โนโรไวรัสระบาด น่ากังวลไหม อันตรายแค่ไหน คุยกับ นพ.ธีระวัฒน์

โนโรไวรัสระบาด น่ากังวลไหม อันตรายแค่ไหน คุยกับ นพ.ธีระวัฒน์

โนโรไวรัสระบาดใหญ่ในจีน โรคนี้คืออะไร น่ากังวลไหม ป้องกันยังไง คุยกับ นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อดีตหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หลังจากมีรายงานว่ามีการพบผู้ติดเชื้อ ‘โนโรไวรัส (Norovirus)’ เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในโรงเรียนหลายแห่งของประเทศจีน อาทิ เมืองเวินโจว, ส่านซี, ยูนนาน และหูเป่ย จนทำให้หลายคนกังวลต่อข่าวดังกล่าว 

SPRiNG ได้พูดคุยกับ นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อดีตหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงโรคดังกล่าว โนโรไวรัสน่ากังวลแค่ไหน ติดเชื้ออย่างไร และถ้ากังวล เราควรป้องกันตัวเองอย่างไร 

 

📌 รู้จัก ‘โนโรไวรัส’

“โรคนี้จริงๆ แล้ว ไม่ได้น่ากังวลเลยนะครับ ไม่ต้องไปตื่นเต้นกับมันมาก ไม่ใช่ว่าอะไรที่มาจากเมืองจีนแล้วเราต้องไปกลัวมันหมด เพราะจริงๆ แล้วในประเทศไทย สหรัฐฯ หรือทั่วโลกเองก็มีโรคนี้อยู่แล้ว” นพ.ธีระวัฒน์กล่าว


 

นพ.ธีระวัฒน์อธิบายว่า ผู้ที่ติดเชื้อโรคโนโรไวรัสจะมีอาการท้องเสีย อ้วก และอาเจียน โดยส่วนมากจะมีอาการอยู่ราว 1 - 3 วัน โดยเชื้อโรคนี้จะแพร่ออกมาทางของเสีย และจะค้างอยู่บนพื้นผิวนาน 14 วัน ดังนั้น หากมีการจับพื้นผิวในช่วงเวลาดังกล่าว อาจเป็นช่องทางที่ทำให้ติดโรคได้ นพ.ธีระวัฒน์อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคดังกล่าว 3 ประการ ดังนี้ 

ประการที่หนึ่ง โนโรไวรัสเป็นโรคที่เรารู้จักกันมานาน และไม่ได้มีระบาดแค่ในประเทศจีน แต่ในประเทศสหรัฐฯ ไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ก็มีโรคนี้อยู่แล้ว 

ประการที่สอง ไวรัสชนิดนี้ไม่ได้มีเปลือกไขมันหุ้ม ฉะนั้น การฆ่าไวรัสไม่อาจทำได้ด้วยเจลแอลกอฮอล์ แต่ต้องล้างด้วยน้ำและสบู่เหมือนไวรัสโรคมือ เท้า ปาก 

ประการที่สาม ไวรัสชนิดนี้มักระบาดในคน 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ เด็ก ประมาณอายุที่กำลังเรียนช่วงอนุบาล กลุ่มที่สองคือ ผู้สูงอายุ และกลุ่มสุดท้ายคือ ผู้ที่มีโรคประจำตัว 

อย่างไรก็ตาม นพ.ธีระวัฒน์เสริมว่า มีรายงานในวารสาร Science ตั้งแต่เดือน มิ.ย. - ธ.ค. พ.ศ. 2565 ที่พบว่า การฉีดวัคซีนชนิด mRNA ซึ่งถูกนำมาใช้มากในช่วงการระบาดของโควิด - 19 มากขึ้น มีส่วนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคทั่วไปบกพร่องลง ดังนั้น ทุกคนก็อาจติดโรคนี้ได้เช่นกัน แต่กลุ่มที่เสี่ยงที่สุดยังเป็น 3 กลุ่มข้างต้น 


 

📌 คำแนะนำจาก ‘หมอดื้อ’

ในปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคโนโรไวรัส แต่ นพ.ธีระวัฒน์แนะนำว่าวิธีป้องกันที่ดีที่สุดยังคงเป็นหลักการพื้นฐานเบื้องต้นคือ กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือ (ด้วยสบู่) 

“กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ไม่ต้องถึงกับห่างคนอื่นนะครับ เพราะว่าโรคนี้ไม่ได้ติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ” นพ.ธีระวัฒน์กล่าว

 

📌 สำหรับวิธีรักษาโรค

วิธีการรักษาโรคโนโรไวรัสมักจะเป็นวิธีรักษาตามอาการ หากอาเจียนหมอจะจ่ายยาแก้อาเจียน ถ้าขาดน้ำให้สารละลายเกลือแร่หรือน้ำเกลือ ดังนั้น ในมุมของ นพ.ธีระวัฒน์คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้คือ เมื่อเกิดอาการ ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก และไม่ต้องถึงกับไปโรงพยาบาล แต่ให้ใช้สมุนไพรไทยรักษาเบื้องต้นก่อน โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจรและขมิ้นชัน

นพ.ธีระวัฒน์แนะนำว่า สำหรับวิธีการทานสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ให้ทานตามที่กำหนดมาข้างกล่อง ไม่ต้องมากเท่าในช่วงที่มีโควิด-19 ระบาด และไม่ควรรับประทานต่อเนื่องเกิน 5 วัน แต่สำหรับขมิ้นชันสามารถทานต่อเนื่องได้ทุกวัน ช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น 

นอกจากนี้ คุณหมอยังแนะนำให้กินขมิ้นชัน ซึ่งมีงานวิจัยที่ยืนยันว่าสามารถช่วยในเรื่องขับถ่ายให้ดีขึ้น และสามารถเข้าไปช่วยปรับจุลินทรีย์ในลำไส้ให้กลายเป็นจุลินทรีย์ที่ดี ใครที่เป็นโรคลำไส้หงุดหงิดหรือท้องผูก รวมถึงมีอาการท้องเสียจากโนโรไวรัส ขมิ้นชันอาจเป็นอีกทางออกหนึ่ง


 

related