SHORT CUT
ลิ้นหัวใจรั่วเสียต้องกล้าซ่อม ! นพ.ทวีศักดิ์ โชติวัฒนพงษ์ แห่ง MedPark Hospital ยืนยัน วิธีรักษาผ่าตัดลิ้นหัวใจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด !
หัวใจเป็นอวัยวะสุดมหัศจรรย์ของมนุษย์ ทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงทั่วร่างกายอย่างไม่หยุดพัก หัวใจของคนเราเต้นมากกว่าพันล้านครั้ง เสมือนเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนการดำรงอยู่ของเราจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย
การซ่อมแซมให้หัวใจทำงานมีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา นับเป็นสิ่งที่ท้าทายวงการแพทย์อย่างยิ่ง แต่ที่ท้าทายไม่น้อยกว่ากัน คือทำอย่างไรให้คนตระหนักรู้อาการเจ็บป่วยของหัวใจ โดยเฉพาะ ‘โรคลิ้นหัวใจรั่ว’ และกล้าที่จะเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ !
ทีม SPRiNG ชวนคุยกับ คุณหมอทวีศักดิ์ โชติวัฒนพงษ์ ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ประจำศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเมดพาร์ค (MedPark Hospital) ที่มีประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจมานานกว่า 40 ปี
คุณหมอทวีศักดิ์กล่าวว่า “เวลาชาวต่างชาติเป็น ‘โรคลิ้นหัวใจรั่ว’ จำเป็นต้องผ่าตัดหัวใจเพื่อรักษา เขาจะกล้าทำเลย เพราะเขาต้องการคุณภาพชีวิตที่ยืนยาว แต่ถ้าเป็นคนไทย จะมีความลังเลเมื่อต้องผ่าตัด เพราะกลัวตาย กลัวผ่าหัวใจแล้วไม่รอด จึงไม่รีบรักษาตัวเองแต่เนิ่นๆ หลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร แล้วก็ทนใช้ชีวิตต่อไปด้วยสุขภาพที่แย่ลงเรื่อย ๆ หรือต่อให้มารักษาก็มาช้าเกินไป”
คุณหมอทวีศักดิ์เปรียบเทียบว่า ‘หัวใจ’ คืออะไหล่ของร่างกายที่ชะล่าใจไม่ได้เด็ดขาด แต่คนจำนวนมากไม่ทราบว่าตนเองเป็น ‘โรคลิ้นหัวใจรั่ว’
หัวใจประกอบด้วยลิ้นหัวใจทั้งหมด 4 ลิ้น ได้แก่ ลิ้นหัวใจไมตรัล (Mitral valve) ลิ้นหัวใจเอออร์ติก (Aortic valve) ลิ้นหัวใจไตรคัสปิด (Tricuspid valve) และลิ้นหัวใจพัลโมนารี (Pulmonary valve) ซึ่งแต่ละลิ้นทำหน้าที่เปิด ปิดตามจังหวะการเต้นของหัวใจ เพื่อควบคุมการไหลเวียนของเลือด นับเป็นโครงสร้างที่ทำงานร่วมกันระหว่างหัวใจ หลอดเลือด และลิ้น เป้าหมายของโครงสร้างนี้คือ ส่งเลือด และออกซิเจนให้กับอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกายทำงานได้
ให้เห็นภาพง่าย ๆ หัวใจคือปั๊มน้ำ หลอดเลือดเหมือนท่อน้ำ หัวใจแบ่งเป็น 2 ข้าง แต่ละข้างมี 2 ห้อง คือบนและล่าง ห้องบนธรรมชาติสร้างมาให้เป็นเหมือนแก้มลิงรับเลือด แล้วไหลลงมาให้ข้างล่างเป็นตัวปั๊ม คอยคัดกรองเลือดดำ จ่ายเลือดดีไปเลี้ยงให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้
เมื่อโรคลิ้นหัวใจเกิดขึ้น จะทำให้ ‘ตีบ’ หรือ ‘รั่ว’ หรือทั้ง 2 อย่าง แต่ไม่ว่าอย่างไหน จะทำให้ปริมาณเลือดที่ถูกสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายลดลง ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อส่งเลือดออกไปให้ร่างกายได้รับเลือดในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ และถ้าปล่อยให้ทำงานหนักไปเรื่อย ๆ ร่างกายจะรับไม่ไหวในที่สุด
ความน่ากลัวคือหลายคนไม่ทราบว่าลิ้นหัวใจของตัวเองเริ่มเสียแล้ว เพราะถ้าเป็นคนอายุน้อยหรือร่างกายแข็งแรง ร่างกายจะยังรับไหวได้หลายปี และมีอาการเพียงเล็กน้อยเช่น บางวันอาจเหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก หน้ามืด กว่าจะมีอาการชัดจริง ๆ กินเวลานานหลายปี และเมื่อมันรุนแรงมาก ผู้ป่วยอาจมีอาการหอบเหนื่อยตลอดเวลา แม้จะอยู่เฉย ๆ ก็ยังหายใจลำบาก นอนราบไม่ได้ และอาจมีอาการบวมที่ขา จนต้องเข้ารับการรักษาในที่สุด
การดูแลรักษาก่อนที่ร่างกายจะแสดงอาการผิดปกติ เป็นเรื่องสำคัญ หากเราค้นพบปัญหาได้เร็วพอ ทำให้มีโอกาสแก้ไขและรักษาให้หัวใจกลับมาทำงานเป็นปกติได้สูงกว่าการรอจนกระทั่งอาการแสดงออกชัดเจน ซึ่งมักเป็นช่วงที่หัวใจเริ่มอ่อนล้าและฟื้นตัวได้ยากขึ้น
การเช็กอาการจาก Google ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่อย่าลืมว่า ในโลกอินเทอร์เน็ต ข้อมูลมันอาจเยอะและหลากหลายเกินไป จนทำให้ผู้ป่วยประเมินตัวเองผิดจากความจริง จึงควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ และพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญถึงจะดีที่สุด !
คุณหมอทวีศักดิ์ยืนยันว่า วงการผ่าตัดลิ้นหัวใจในไทยเวลานี้ มีความเชี่ยวชาญเทียบเท่ามาตรฐานโลกแล้ว เพราะคนไทยเก่ง แพทย์ผ่าตัดมีการส่งต่อทักษะด้านนี้เป็นรุ่นสู่รุ่น หมอของเราฝึกฝนอย่างหนัก ถูกสอนเรื่องความประณีต มองเรื่องหัวใจอย่างละเอียด น้อมใจทำงาน เครื่องมือก็ทันสมัยจับต้องได้ แม้ประเทศเราจะไม่ใช่มหาอำนาจ แต่ก็ไม่ใช่ประเทศยากจน วงการนี้เราไม่เป็นสองรองใครแน่นอน
โดยทั่วไป เราจะแนะนำให้รักษาด้วยการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ โดยชนิดของลิ้นหัวใจที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วย ซึ่งอาจเป็นลิ้นหัวใจที่ทำจากเนื้อเยื่อธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเยื่อจากหัวใจของผู้ป่วยเอง หรือจากสิ่งมีชีวิตอื่น นอกจากนี้ ยังมีลิ้นหัวใจเทียมที่ทำจากโลหะ ซึ่งศัลยแพทย์หัวใจจะพิจารณาเลือกใช้ ตามสภาพร่างกายและความต้องการของแต่ละบุคคล
ปัจจุบัน มีนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ ที่ทำให้แนวทางการรักษาโรคลิ้นหัวใจมีประสิทธิภาพขึ้นมาก ตอนนี้เรามีการนำเนื้อเยื่อลิ้นหัวใจจากผู้บริจาคอวัยวะมาใช้ รวมถึงการนำชิ้นส่วนเนื้อเยื่อจากสัตว์ เช่น หมูหรือวัว มาใช้เป็นวัสดุสำหรับลิ้นหัวใจเทียม ซึ่งเป็นอีกทางเลือกในการรักษาภาวะหัวใจรั่ว ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ ในอนาคตยังได้มีการเตรียมนวัตกรรมใหม่ ที่เป็นการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ โดยหลีกเลี่ยงการผ่าตัดใหญ่ (Transcatheter Valve Replacement) โดยการสอดลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนหลอดเลือด แนวทางการรักษานี้มีประโยชน์มากโดยเฉพาะกับผู้ป่วยลิ้นหัวใจที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรควิกฤต ซึ่งเพิ่มความยากซับซ้อนในการรักษา ทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ดีกว่าการผ่าตัดใหญ่ รวมทั้งยังมีการพัฒนาการสร้างลิ้นหัวใจเทียมที่มีการพัฒนากระบวนการรักษาเนื้อเยื่อที่ใช้ให้มีอายุการใช้งานคงทนยาวนานขึ้น เพื่อรองรับการรักษาแบบสายสวนในอนาคต กรณีที่ลิ้นเสื่อมตามการทำงานและผู้ป่วยมีอายุมากขึ้น ความสำเร็จของนวัตกรรมนี้เป็นเรื่องน่าทึ่ง น่าตื่นเต้น และเป็นผลดีกับผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจรั่วเป็นอย่างมาก
คุณหมอทวีศักดิ์ยืนยันว่า ถ้าเราซ่อมของเดิมได้ ย่อมดีกว่าเปลี่ยนหัวใจใหม่ วงการผ่าตัดลิ้นหัวใจดำเนินมา 7 ทศวรรษ เคยคิดว่าการเปลี่ยนลิ้นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย แต่สุดท้ายบรรดาแพทย์ในวงการได้ค้นพบว่าลิ้นเทียมทุกชนิด ไม่มีลิ้นไหนเลยดีเทียบลิ้นธรรมชาติ ไม่ว่าจะลิ้นโลหะ ลิ้นจากสิ่งมีชีวิต ล้วนมีอายุการใช้งาน ถึงเวลาต้องมาเปลี่ยนอีก บางประเภทเด็กและผู้สูงอายุใช้ไม่ได้ บางอันต้องกินยาควบคู่ไปตลอดชีวิต
ทุกวันนี้โรคหัวใจเกิดในกลุ่มคนอายุน้อยที่ประมาณ 30-40 ปี เยอะมาก สำหรับผู้หญิงถ้าเราไปใส่ลิ้นโลหะให้ เขาก็มีบุตรไม่ได้ ส่วนคนสูงวัยก็ลิ้นเทียมก็ไม่สามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นซ่อมลิ้นเดิมคือยั่งยืนที่สุด แต่แน่นอนว่าการซ่อมลิ้นหัวใจเปรียบเหมือนการทำงานศิลปะ ควบคู่ไปกับวิทยาศาสตร์ที่ต้องฝึกฝนอย่างมาก แต่ทำได้ โดยเฉพาะ ‘ลิ้นไมตรัล’ และ ‘ลิ้นไตรคัสปิด’ เป็นลิ้นที่เราสามารถซ่อมได้สำเร็จ 80%-90%
“ต่อให้เป็นลิ้นที่ยากกว่านี้ เราก็จะพยายามทำให้เต็มที่ ขอแค่ผู้ป่วยมาเจอเราให้เร็วเท่านั้น” คุณหมอกล่าว
คุณหมอทวีศักดิ์บอกว่า ‘ต้องคุยกันตรงๆ แบบเปิดอกกันเลย หรือเรียกว่า Cut to the Chase’ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราบอกคนไข้ว่าเราจะผ่าท่าไหน แหวกตรงไหน เดี๋ยวคนไข้จะกลัวเสียก่อน แต่เราจะบอกแค่ขั้นตอนปกติ จะใช้อุปกรณ์อะไร ให้ยาสลบ ใช้เวลานานแค่ไหน แล้วหมอก็จะรีบทำ
ส่วนใหญ่คนไข้จะกลัวเรื่องแผลผ่าตัดหลังรักษา โดยเฉพาะคนอายุน้อยที่กลัวรูปร่างตัวเองไม่สวย หลายคนอยากมีแผลเล็ก ซึ่งตัวหมอเข้าใจดี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ก็ช่วยเรื่องรอยแผลได้ แต่ก็ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ และอาการลิ้นหัวใจบางประเภทไม่สามารถผ่าตัดด้วยเทคนิคแผลเล็ก ๆ ได้
ความกลัวเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม เราต้อง ‘กลัวอย่างมีสติ’ และมีความเข้าใจต่อโรคที่เป็น ทางรักษาที่ดีที่สุดคืออะไร แล้วจึงหาที่รักษา มันคือความจริงของชีวิต ถ้ามัวแต่กลัวโรคมันก็ไม่หาย กลัวมากก็เป็นโรคอื่นตามมา แต่เมื่อมีสติ ปัญญาก็จะเกิด เมื่อนั้นจะเห็นทางออก ทุกวันนี้เรามีความชำนาญทั้งบุคลากรและเทคโนโลยี จะอายุ 70 80 หรือแม้แต่ 90 เราก็พร้อมผ่าตัดให้
เป็นศัลยแพทย์หัวใจที่อุทิศตนให้กับการผ่าตัดรักษาลิ้นหัวใจมายาวนานกว่า 40 ปี นอกจากฝีมือการผ่าตัดที่เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศแล้ว ท่านยังเป็นนักคิดนักประดิษฐ์ที่พัฒนาเทคนิคการรักษาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยหนึ่งในผลงานสำคัญคือ Autologous Pericardium Ring วงแหวนซ่อมเยื่อหุ้มหัวใจที่ท่านคิดค้นขึ้นเอง จนได้รับรางวัล ผู้ประดิษฐ์ดีเด่น จากกระทรวงสาธารณสุข
นอกจากบทบาทในฐานะศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอกระดับแนวหน้าของไทย นพ. ทวีศักดิ์ ยังดำรงตำแหน่งสำคัญในวงการแพทย์ เช่น นายกสมาคมศัลยแพทย์ทรวงอก และเป็น ผู้ก่อตั้งมูลนิธิรักษ์หัวใจ อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันสำคัญในโครงการ Train the Trainer ที่มุ่งถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจให้แก่ศัลยแพทย์ทั่วประเทศ ปัจจุบันโครงการนี้ได้ขยายไปแล้วกว่า 12 จังหวัด และกำลังต่อยอดไปยังระดับภูมิภาค
ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาเทคนิคการรักษาอย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2567 นพ. ทวีศักดิ์ ได้รับเกียรติให้เป็น Visiting Professor ณ มหาวิทยาลัย Stanford ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อบรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านศัลยกรรมหัวใจ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของท่านในเวทีระดับสากล
และล่าสุด นพ. ทวีศักดิ์ ได้รับการคัดเลือกจากราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ให้เป็น ศัลยแพทย์ดีเด่นแห่งประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2568 ซึ่งจะมีการมอบรางวัลในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง