เทคโนโลยีใหม่ทางการแพทย์ที่คิดค้นพัฒนาล่าสุด “ลิ้นหัวใจเนื้อเยื่อ“ ใช้ในการรักษาโรคลิ้นหัวใจ ช่วยยืดระยะเวลาในการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจซ้ำ ได้นานสูงสุดถึง 30 ปี ตอบโจทย์ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจในทุกช่วงอายุ สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ
“โรคหัวใจและหลอดเลือด“ ภัยเงียบที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกเป็นอันดับ 1 หรือคิดเป็น 32% ของการเสียชีวิตทั้งหมดของคนทั่วโลก ข้อมูลล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2563 พบว่าผู้ป่วยกลุ่ม “โรคหัวใจและหลอดเลือด“ เสียชีวิตต่อปี สูงถึง 17.9 ล้านคน
ขณะที่ประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในปี 2561 คนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด สูงถึง 432,943 คน และเสียชีวิตถึง 20,855 คนต่อปี หรือเฉลี่ยสูงถึง 57 คนต่อวัน
เนื่องในวันหัวใจโลก (World Heart Day) ที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมรณรงค์เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของโรคหัวใจ และควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดเป็นโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำความรู้จักกับ “โรคลิ้นหัวใจ“ (Valvular Heart Disease)
โรคลิ้นหัวใจ เกิดจากการที่ลิ้นหัวใจทำงานล้มเหลว โดยเกิดจากความผิดปกติของ “ลิ้นหัวใจ“ หรือเรียกสั้นๆ ว่า “วาล์ว“ ซึ่งหากลิ้นหัวใจทำงานเปิดและปิดไม่ถูกต้อง จะส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดจะหยุดชะงัก และเซลล์ของร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็น ภาวะเหล่านี้จะสร้างความเครียดให้กับหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เกิดภาวะหัวใจโต ภาวะเลือดคั่งในหัวใจ เลือดคั่งในปอด และหากปล่อยทิ้งไว้จนเป็นมากๆ จะทำให้การไหลเวียนของเลือดมีปัญหาในระดับรุนแรง ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หรือโรคหลอดเลือดสมอง
แนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจที่ได้ผลดี มีด้วยกัน 2 วิธี
1. การผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจ คือการซ่อมเฉพาะส่วนของลิ้นหัวใจที่เสียหาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่สามารถซ่อมแซมได้
2. การผ่าตัดแบบเปลี่ยนลิ้นหัวใจ คือการเปลี่ยนลิ้นหัวใจด้วยการผ่าตัด ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจ แพทย์จะต้องนำลิ้นหัวใจเทียมเพื่อมาเปลี่ยนทดแทนลิ้นหัวใจเดิม โดยลิ้นหัวใจเทียมจะมี 2 ชนิด คือ ลิ้นหัวใจที่ทำมาจากวัสดุสังเคราะห์ เช่น โลหะ หรือเหล็ก และลิ้นหัวใจที่ทำมาจากเนื้อเยื่อจากหมู วัว หรือเนื้อเยื่อของมนุษย์
ซึ่งปัจจุบันยังมีข้อจำกัดคือ ลิ้นหัวใจเนื้อเยื่อที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ไปสักระยะหนึ่ง แคลเซียมจะค่อยๆ มาเกาะที่ลิ้นหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มแข็งตัวมากขึ้นทำให้ลิ้นหัวใจไม่สามารถปิดเปิดได้ตามกลไกของร่างกาย จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการกำเริบและต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจซ้ำในระยะเวลา 10 -15 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
ด้วยเหตุดังกล่าว วงการแพทย์จึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ "ลิ้นหัวใจเนื้อเยื่อ" เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และเข้ามาตอบโจทย์การรักษาโรคลิ้นหัวใจสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่อายุยังน้อยและในทุกช่วงอายุ เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่อยากกินยาตลอดชีวิต, ชื่นชอบออกกำลังกายและชอบเล่นกีฬา, อยากมีบุตร ซึ่งกลุ่มนี้จะมีข้อยกเว้นเรื่องการใช้ยา, ผู้ป่วยที่เดินทางลำบากหรืออยู่ไกลเพราะต้องมาโรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือดบ่อยๆ รวมถึงผู้ป่วยที่ไม่อยากปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
"ปัจจุบัน ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่มีปัญหาลิ้นหัวใจและไม่ได้รับการวินิจฉัย สังคมจึงควรรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจอย่างต่อเนื่องเพื่อจะได้หาแนวทางป้องกันดีกว่ารักษา โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่เป็นลิ้นหัวใจพิการแต่กำเนิด ลิ้นหัวใจตีบ โรครูห์มาติก หรือในคนสูงวัยอายุประมาณ 60 – 70 ปีขึ้นไป จากความเสื่อมของลิ้นหัวใจ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น บริโภคของที่มีไขมันสูง ของทอดๆ มันๆ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ก็ควรมาตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยอาการได้อย่างถูกต้องและตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้มีเวลาวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม และเลือกวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาอีกด้วย" ผศ. นพ. บุลวัชร์ หอมวิเศษ กล่าวปิดท้าย