SHORT CUT
พระไม่ใช่แค่ผู้สอนธรรมะ แต่เป็นพลังสำคัญในการสร้าง "วัดปลอดบุหรี่" กว่า 3,300 แห่งทั่วประเทศ เปลี่ยนบทบาทจากผู้สูบเป็นต้นแบบชวนคนเลิกบุหรี่โดยไม่ต้องใช้ยา
โครงการขยายผลสู่โรงเรียนพระปริยัติธรรมและชุมชน โดยเน้นให้สามเณรปลอดภัยจากบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า พร้อมเสริมบทบาทวัดในฐานะศูนย์กลางสุขภาวะของชุมชน
สสส. ยังสร้างถนนปลอดภัยในรั้วมหาวิทยาลัย เช่น ม.แม่โจ้ ลดอุบัติเหตุเป็นศูนย์ด้วยมาตรการจริงจังและการปลูกฝังวินัยจราจรตั้งแต่ระดับเยาวชน
เมื่อ “พระ” ไม่ได้ทำหน้าที่แค่สอนธรรมะ แต่กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในสังคม เช่น การสร้างพื้นที่วัดปลอดบุหรี่ สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ชุมชน
หากมองย้อนกลับไปในอดีต “พระสูบบุหรี่” เคยเป็นภาพที่พบเห็นได้ทั่วไปในบางพื้นที่ ซึ่งหลายคนรู้สึกว่าไม่เหมาะสม แต่การจะเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย จนกระทั่งเกิดโครงการ “วัดปลอดบุหรี่ สุขภาพดีด้วยวิถีธรรม” ที่ริเริ่มโดย สสส. ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)
“เมื่อพระเลิกบุหรี่ได้ ญาติโยมก็พร้อมเดินตาม”
— พระวิสิทธิ์ ฐิตวิสิทโธ, ผอ.กลุ่มส่งเสริมวิชาการ มจร.เชียงใหม่
โครงการนี้เริ่มต้นจากแนวคิดง่ายๆ: ถ้า “พระ” ซึ่งเป็นผู้ได้รับความศรัทธาจากชุมชน เป็นแบบอย่างที่ดีได้ การเลิกบุหรี่ในวงกว้างก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
ภายในเวลาไม่กี่ปี วัดกว่า 3,300 แห่งทั่วประเทศกลายเป็นเขตปลอดบุหรี่อย่างเป็นทางการ สนับสนุนโดยทั้งมติของมหาเถรสมาคม และธรรมนูญพระสงฆ์แห่งชาติ ซึ่งบัญญัติให้ศาสนสถานเป็นพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่อยู่แล้ว
ภาพของพระสงฆ์ที่เดินตรวจจุดต่างๆ ในวัด พร้อมป้ายห้ามสูบบุหรี่ ไม่ได้เป็นเพียงกฎระเบียบ แต่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติที่กำลังเกิดขึ้นจริงในระดับรากหญ้า
อีกหนึ่งมิติของโครงการนี้คือการขยายผลไปยัง “โรงเรียนพระปริยัติธรรม” สถานศึกษาของสามเณรทั่วประเทศ โดยวางเป้าหมายให้ทุกแห่งปลอดจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า 100%
นอกจากสุขภาพร่างกาย ยังเป็นการป้องกันการซึมซับพฤติกรรมเสี่ยงตั้งแต่วัยเยาว์
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองประธานกรรมการ สสส. ชี้ว่า พลังของพระสงฆ์มีต้นทุนทางสังคมที่สูงอยู่แล้ว จึงสามารถชักชวนให้คนรอบตัวเปลี่ยนพฤติกรรมได้จริง
“พระ 1 รูป สามารถชวนเณร ญาติโยม และชาวบ้านเลิกบุหรี่ได้ โดยไม่ต้องใช้ยา ใช้แค่ ‘กำลังใจ’ อย่างเดียว”
— นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย
การใช้พระสงฆ์เป็นกลไกเชิงจิตวิทยา เป็นวิธีการที่คุ้มค่าและได้ผล โดยเฉพาะเมื่อคนในชุมชนรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วม
นอกจากในวัด สสส. ยังขยายบทบาทของตนเองไปยัง “ความปลอดภัยบนท้องถนน” โดยเฉพาะในพื้นที่ของนิสิตนักศึกษา เช่น ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของการลดอุบัติเหตุจน “กลายเป็นศูนย์”
ด้วยการรณรงค์ควบคู่กับการบังคับใช้มาตรการจริงจัง เช่น เขตบังคับสวมหมวกกันน็อค และการสร้างจิตสำนึกด้านวินัยจราจรในชีวิตประจำวัน
โครงการวัดปลอดบุหรี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพพระสงฆ์ แต่สะท้อนการนำพลังศรัทธามาขับเคลื่อนสังคมให้ดีขึ้น — โดยมีเป้าหมายร่วมกันระหว่างวัด ชาวบ้าน และองค์กรสาธารณสุข
เพราะเมื่อพระมั่นคง วัดปลอดภัย ญาติโยมก็พร้อมมีสุขภาวะที่ยั่งยืนตามไปด้วย