svasdssvasds

ฝุ่น PM 2.5 มากับลมหนาว! วิธีดูแลสุขภาพท่ามกลางฝุ่นในหน้าหนาว

ฝุ่น PM 2.5 มากับลมหนาว! วิธีดูแลสุขภาพท่ามกลางฝุ่นในหน้าหนาว

ไม่ใช่หมอกแต่เป็นฝุ่น PM 2.5! ลมหนาวใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว สิ่งที่เราควรเตรียมนอกจากวินเทอร์ลุคแล้วยังต้องเตรียมสุขภาพรับมือกับฝุ่นไว้ด้วย ซึ่งปีนี้คาดว่า PM 2.5 น่าจะมาเต็ม ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่าเราจะดูแลสุขภาพอย่างไรให้สตรองในหน้าหนาวที่มีฝุ่นเยอะ

ฝุ่น PM 2.5 มากับลมหนาว! วิธีดูแลสุขภาพท่ามกลางฝุ่นในหน้าหนาว ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกับสุขภาพร่างกายของเราทั้งระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจ ระบบหลอดเลือด ระบบสมอง เป็นต้น ซึ่งฝุ่น PM 2.5 ก็มักมาจากควันท่อไอเสียรถยนต์, โรงงานอุตสาหกรรม, การเผาขยะ, ไฟป่า รวมทั้งการทำปฏิกิริยาของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2), ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ก็มีส่วนก่อให้เกิดฝุ่นประเภทนี้ได้ด้วย

วิธีดูแลสุขภาพท่ามกลางฝุ่น PM 2.5 ในหน้าหนาว

- สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น เช่น หน้ากากอนามัย หรือหน้ากาก N95

- ดูแลสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ

-รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แกงจืดตำลึง ผัดผักบุ้ง ฟักทองผัดไข่ ผัดบรอกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก แครอทลวก บรอกโคลีลวกจิ้มน้ำพริก เป็นต้น

เนื้อหาที่น่าสนใจ :

-ทำความสะอาดบ้าน และอุปกรณ์ภายในบ้าน โดยเฉพาะจุดที่สะสมฝุ่น เช่น แอร์ พัดลม มุ้งลวด เครื่องนอน และเน้นการทำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำ

-หมั่นตรวจเช็กบ้านปิดช่องหรือรู ตามขอบประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่น PM2.5 จากภายนอกไม่ให้เข้ามาในอาคารในช่วงฝุ่นสูง

-วันที่ฝุ่น PM2.5  เกินค่ามาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้งให้เปลี่ยนมาออกกำลังกายภายในอาคารแทน

-สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรสำรองยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

-สังเกตตนเองและบุคคลในครอบครัว หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวี้ด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์

-ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิดก่อนออกจากบ้าน ได้ที่เว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th หรือแอปพลิเคชัน “Air4Thai” ของกรมควบคุมมลพิษ และปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

Cr. www.multimedia.anamai.moph.go.th /  www.healthenvi.com