นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกส่งคำเตือน วิกฤติสภาพอากาศไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นสาเหตุให้เกิดการ "แท้งบุตร" เพิ่มขึ้น รวมถึงโอกาสที่ทารกจะได้รับความเสียหายทางสติปัญญาด้วย
จากรายงานเกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินด้านสภาพอากาศ ซึ่งจัดทำโดยนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ 80 คน จาก 45 ประเทศ เพื่อเป็นคำเตือนส่งถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจในการประชุมสุดยอด Cop29 ได้เปิดเผยถึงอันตรายที่เกิดขึ้นต่อการตั้งครรภ์และสุขภาพของทารกในครรภ์ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นทั่วโลก
รายงานระบุว่า สภาพอากาศที่แปรปรวนรุนแรงมากขึ้น ได้ส่งผลให้มีทารกเสียชีวิต ทารกคลอดก่อนกำหนด และทารกแรกเกิดที่ได้รับความเสียหายทางสติปัญญา
ยกตัวอย่างการศึกษาวิจัยในอินเดียที่พบว่า สตรีมีครรภ์ที่ประสบภาวะเครียดจากความร้อน จะมีความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ขณะที่การศึกษาวิจัยในแคลิฟอร์เนียพบว่า อุณหภูมิความร้อนที่ปกคลุมทั่วทั้งรัฐเป็นเวลานาน ได้ส่งผลให้สถิติการคลอดก่อนกำหนดเพิ่มสูงขั้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกได้
จากการศึกษาอีกกรณียังพบว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุ หรือน้ำท่วม เป็นสาเหตุของการสูญเสียการตั้งครรภ์มากกว่า 100,000 รายต่อปีใน 33 ประเทศของอเมริกาใต้และอเมริกากลาง เอเชีย และแอฟริกา โดยผู้ตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงสุด คือผู้หญิงที่มีรายได้น้อย และขาดโอกาศทางการศึกษา นอกจากนี้ การวิเคราะห์ของเอเชียใต้ยังพบว่า ความร้อนที่เพิ่มขึ้น ยังทำให้ผู้หญิงต้องเผชิญกับความรุนแรงจากคู่รักมากขึ้นด้วย
ศาสตราจารย์เจมีลาห์ มาห์มูด จากศูนย์สุขภาพซันเวย์ในมาเลเซีย กล่าวว่า "สถิติอุณหภูมิโลกยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภัยคุกคามต่อสุขภาพของมารดาทวีความรุนแรงมากขึ้น การหยุดชะงักของบริการด้านการดูแลสุขภาพ สุขอนามัย และเสบียงอาหารในช่วงที่มีสภาพอากาศเลวร้าย ส่งผลให้ปัญหาสำหรับสตรีมีครรภ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น การเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะโลกร้อนที่รุนแรง รวมถึงระบบเตือนภัยล่วงหน้า จะต้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด"
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัญหาจากภาวะโลกร้อนที่นักวิทยาศาสตร์ต่างแสดงความเป็นกังวล เช่น ความเสี่ยงที่อาจเกิดการพังทลายของป่าฝนอเมซอน กระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติก และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเมืองต่างๆ ทั่วโลก