ฮ่องกง กำลังเผชิญหน้ากับบททดสอบครั้งใหญ่จากธรรมชาติ หลังจากพายุฝนปริมาณมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 141 ปี ถล่มลงมาอย่างบ้าคลั่ง
ฮ่องกง กำลังเผชิญหน้ากับบททดสอบครั้งใหญ่จากธรรมชาติ หลังจากพายุฝนปริมาณมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 141 ปี ถล่มลงมาอย่างบ้าคลั่ง เปลี่ยนถนนให้กลายเป็นคลอง และทำให้ชีวิตในเมืองต้องหยุดชะงัก ขณะที่พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญอย่างสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ลในจีนตอนใต้ก็จมอยู่ใต้ชะตากรรมเดียวกัน
หอสังเกตการณ์ฮ่องกงประกาศสัญญาณเตือนภัยพายุฝนระดับ "สีดำ" (Black Rainstorm Warning) ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เป็นครั้งที่ 4 ในรอบเพียง 8 วัน ทำลายสถิติความถี่ในการประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในรอบปี สัญญาณ "สีดำ" บ่งชี้ถึงปริมาณฝนที่ตกหนักเกินกว่า 70 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งภาพที่ปรากฏได้ยืนยันถึงความรุนแรงนั้นเป็นอย่างดี
ภาพข่าวและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ไปทั่วโลกแสดงให้เห็นมวลน้ำมหาศาลไหลบ่าจากเนินเขาที่สูงชันของเกาะฮ่องกง กลายเป็นธารน้ำเชี่ยวกรากที่ซัดผ่านบันไดและตรอกซอกซอย สถานีรถไฟใต้ดินบางแห่งต้องปิดทางเข้า-ออกเพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าสู่ระบบ ด้านนอกโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง น้ำท่วมสูงถึงระดับข้อเท้า ส่งผลให้หน่วยงานสาธารณสุขต้องสั่งปิดคลินิกหลายแห่งทั่วเมือง ขณะที่โรงเรียนและศาลต่างก็ปิดทำการเช่นกัน
ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ปริมาณฝนสะสมสูงกว่า 350 มิลลิเมตร ถือเป็นปริมาณน้ำฝนรายวันที่มากที่สุดในเดือนสิงหาคมนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติเมื่อปี 1884
วิกฤตการณ์ ครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในฮ่องกงเท่านั้น แต่เป็นทำให้จีนตอนใต้เจอสิ่งที่เลวร้ายด้วย โดยเฉพาะมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นฐานการผลิตและเทคโนโลยีที่สำคัญของโลก ที่นั่น ฝนที่ตกอย่างหนักได้ก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย และทางการต้องอพยพประชาชนกว่า 7,500 คนออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำ สถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีนรายงานว่า แม่น้ำอย่างน้อย 4 สายมีระดับน้ำสูงเกินกว่าระดับเตือนภัย เป็นภาพที่น่ากังวลซึ่งตอกย้ำถึงความรุนแรงของมรสุมเอเชียตะวันออกที่ยังคงปกคลุมประเทศ
สถานการณ์ยังซ้ำเติมด้วยสภาพอากาศสุดขั้วในพื้นที่อื่นของจีน ทางตอนเหนือ กรุงปักกิ่งต้องสั่งอพยพประชาชนกว่า 82,000 คน เพื่อเตรียมรับมือน้ำท่วมรุนแรง แม้ต่อมาจะยกเลิกคำเตือนระดับสีแดงแล้วก็ตาม ขณะที่เขตปกครองตนเองมองโกเลียในก็เพิ่งเผชิญกับพายุทอร์นาโดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
นักวิทยาศาสตร์และนักอุตุนิยมวิทยาต่างชี้ตรงกันว่า เหตุการณ์ฝนสุดขั้วและน้ำท่วมใหญ่ที่เกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นนี้ มีความเชื่อมโยงอย่างปฏิเสธไม่ได้กับภาวะโลกร้อน ซึ่งกำลังกลายเป็นความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลสำหรับรัฐบาลจีน ทั้งในแง่ของการสูญเสียชีวิต การจัดการผู้อพยพ และความเสียหายทางเศรษฐกิจ
เกณฑ์การวัดและออกประกาศเตือนภัย "พายุฝนสีดำ" (Black Rainstorm Warning Signal) ของหอสังเกตการณ์ฮ่องกง (Hong Kong Observatory) มีความชัดเจนและเป็นส่วนหนึ่งของระบบเตือนภัยพายุฝน 3 ระดับ โดยแต่ละระดับมีเกณฑ์ดังนี้:
1. สัญญาณเตือนภัยพายุฝนสีเหลือง (Amber Rainstorm Warning Signal)
เกณฑ์: เมื่อมีฝนตกหนักหรือคาดว่าจะตกโดยทั่วไปในฮ่องกง โดยมีปริมาณน้ำฝนเกิน 30 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง และมีแนวโน้มที่จะตกต่อเนื่อง
ความหมาย: เป็นการแจ้งเตือนถึงฝนตกหนักที่อาจทวีกำลังขึ้นเป็นระดับสีแดงหรือสีดำได้ อาจเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่ที่ระบายน้ำได้ไม่ดี
2. สัญญาณเตือนภัยพายุฝนสีแดง (Red Rainstorm Warning Signal)
เกณฑ์: เมื่อมีฝนตกหนักหรือคาดว่าจะตกโดยทั่วไปในฮ่องกง โดยมีปริมาณน้ำฝนเกิน 50 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง และมีแนวโน้มที่จะตกต่อเนื่อง
ความหมาย: เป็นการเตือนว่าฝนที่ตกหนักมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมบนถนนอย่างรุนแรงและการจราจรติดขัดอย่างหนัก
3. สัญญาณเตือนภัยพายุฝนสีดำ (Black Rainstorm Warning Signal)
เกณฑ์หลัก: เมื่อมีฝนตกหนักมากหรือคาดว่าจะตกโดยทั่วไปในฮ่องกง โดยมีปริมาณน้ำฝนเกิน 70 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง และมีแนวโน้มที่จะตกต่อเนื่อง
ความหมาย: เป็นระดับการเตือนภัยสูงสุด บ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่งจากฝนที่ตกหนักมาก ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงเป็นวงกว้าง การจราจรเป็นอัมพาต และอาจเกิดภัยพิบัติอื่นๆ ตามมา เช่น ดินโคลนถล่ม
ขณะที่ อินเดีย เกิดพายุฝนกระหน่ำรุนแรงหรือ คลาวด์เบิร์สต์ (Cloudburst) ก่อให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันขึ้นในรัฐอุตตราขัณฑ์ ทางตอนเหนือของประเทศ และ อินเดีย ต้อง เร่งค้นหาประชาชนจำนวนมากที่หวั่นกลัวกันว่าอาจจะถูกฝังทั้งเป็นอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้โพสต์ผ่าน X แสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ และระบุว่า ทีมกู้ภัยกำลังทำงานอย่างเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือประชาชน.
ทั้งนี้ คลาวด์เบิร์สต์ เป็นคำที่นิยมใช้เรียกภาวะฝนตกกระหน่ำรุนแรงดั่งฟ้ารั่ว มีอัตราการตกของฝนปริมาณสูงในช่วงเวลาสั้นๆ และมักก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันรุนแรง โดยเหตุมวลน้ำขนาดยักษ์ทะลักไหลบ่าลงจากเขาเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนด้านล่างเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเคียร์คังกาเอ่อล้นและส่งกระแสน้ำโคลนถาโถมลงสู่พื้นที่ลาดอย่างรุนแรงเข้าท่วมถนน อาคารและร้านค้าในหมู่บ้านธาราลี
ที่มา : reuters scmp hko.gov.hk