GISTDA เผยข้อมูล น้ำท่วมไทย 4 ปี แกว่งแรงสุดขั้ว เอลนีโญ –ลานีญา กำหนดชะตาฝน โดยน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา มีความแตกต่างทางตัวเลขมากๆ ตั้งแต่ ท่วม 6 แสนไร่ ถึงกว่า 5 ล้านไร่
GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมล่าสุด เผยให้เห็นความผันผวนของสภาพอากาศ ปริมาณฝนในประเทศไทย ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา พื้นที่น้ำท่วมขังเดือนกันยายนมีความแตกต่างสูงสุดจากเพียง 6 แสนไร่ ไปจนถึงกว่า 5 ล้านไร่
โดย ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังคือปรากฏการณ์เอลนีโญ–ลานีญา และการเคลื่อนตัวของพายุหมุนเขตร้อน บางปีพายุเพียงลูกเดียวสามารถสร้างผลกระทบมหาศาลต่อหลายล้านไร่ของพื้นที่เกษตรและชุมชน
ข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงบันทึกสถานการณ์ในอดีต แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงความท้าทายด้านการจัดการน้ำและการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น
ภาพจากดาวเทียมของ GISTDA เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้นำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบ “พื้นที่น้ำท่วมขังทั่วประเทศ” ย้อนหลัง 4 ปี แสดงให้เห็นความแตกต่างของฤดูกาลฝนและอิทธิพลของพายุ
• ปี 2568: 4,852,558 ไร่
• ปี 2567: 3,053,486 ไร่
• ปี 2566: 675,933 ไร่
• ปี 2565: 5,331,737 ไร่
จากข้อมูลชุดนี้ ปี 2565 มีพื้นที่น้ำท่วมขังสูงสุดในรอบ 4 ปี ประมาณ 5.33 ล้านไร่ ขณะที่ปี 2566 มีน้ำท่วมน้อยที่สุด เพียงประมาณ 6.8 แสนไร่ โดยในปีนี้ 2568 มีน้ำท่วมขังค่อนข้างมากสูงถึง 4.85 ล้านไร่ นั่นเกิดจากอิทธิพลของปรากฏการณ์ต่างๆประกอบร่วมด้วย
จากการวิเคราะห์ของ GISTDA ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความแปรปรวนนี้คือปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศระดับโลกที่เรียกว่า "เอลนีโญ-ลานีญา" (ENSO) ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณฝนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปี 2565 (น้ำท่วมสูงสุด: 5.33 ล้านไร่): เป็นปีที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของปรากฏการณ์ "ลานีญา" ซึ่งทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกเย็นกว่าปกติ ส่งผลให้มีปริมาณฝนตกชุกและมวลอากาศชื้นเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น ประกอบกับการมาถึงของพายุไต้ฝุ่น "โนรู" ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยตรง ได้กลายเป็นตัวเร่งให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในหลายจังหวัด
ปี 2566 (น้ำท่วมน้อยที่สุด: 6.8 แสนไร่): สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิงภายใต้อิทธิพลของ "เอลนีโญ" ซึ่งทำให้เกิดสภาวะแห้งแล้งและปริมาณฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญ
ปี 2568 (ปัจจุบัน, น้ำท่วมสูง: 4.85 ล้านไร่): การกลับมาของสภาวะ "ลานีญา" อีกครั้ง ทำให้ปริมาณน้ำท่วมขังพุ่งสูงขึ้นเกือบเทียบเท่าปี 2565 แม้ว่าพายุที่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศโดยตรงอาจมีไม่มาก แต่ร่องมรสุมที่ทรงพลังและอิทธิพลจากพายุ "บัวลอย" ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันเป็นวงกว้าง
ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่า พายุหมุนเขตร้อนเพียงลูกเดียวที่เคลื่อนที่เข้าสู่ประเทศไทยในช่วงเวลาที่เหมาะสม สามารถทวีความรุนแรงของสถานการณ์ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดขึ้นพร้อมกับสภาวะลานีญา
อีกประเด็นหนึ่งคือ แม้บางพายุอาจไม่ “เข้าไทยโดยตรง” แต่ส่งอิทธิพลให้เกิดฝนในไทยในรูปแบบของหย่อมฝนหรือระบบฝนร่วม เช่น พายุที่เคลื่อนผ่านทะเลจีนใต้หรือทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ก็อาจก่อให้เกิดฝนตกหนักในไทยได้
1.ปรากฏการณ์ ENSO เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร โดยเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำทะเลและรูปแบบความกดอากาศในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้ปรากฏการณ์ เอลนีโญ ลานีญา หรือภาวะเป็นกลาง ปรากฏการณ์เหล่านี้เป็นตัวแปรสำคัญต่อการเกิดภัยแล้ง พายุ และน้ำท่วม
2.ไม่ใช่ทุกพายุเข้าไทยโดยตรงแต่ก็ยังเกิดฝนตกหนักได้ ซึ่งพายุอาจส่งผลในรูปแบบระบบฝน หย่อมความกดอากาศที่เคลื่อนตัวมาจากทะเลจีนใต้หรือตะวันออกได้
3.การเตรียมพร้อมต้อง “ยืดหยุ่น” ระบบจัดการน้ำ เมือง เขื่อน คลอง รวมถึงพื้นที่รับน้ำต่างๆ ต้องพร้อมรับได้กับฝนที่ตกหนักมากในพื้นที่จำกัด หรือ ฝนตกมากช่วงสั้น
4.ภัยธรรมชาติไม่รอใคร GISTDA ใช้เทคโนโลยีจากดาวเทียมติดตามสถานการณ์ด้านภัยพิบัติแบบใกล้ชิด
ข้อมูลจากอวกาศถูกแปรเปลี่ยนเป็นเครื่องมือสำคัญในการคาดการณ์ วิเคราะห์ และประเมินความเสี่ยง
เพื่อให้หน่วยงานในระดับนโยบายและปฏิบัติสามารถนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ ลดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และผลกระทบทางเศรษฐกิจ และนี่คือการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศที่จะแปรวิกฤติให้กลายเป็นโอกาสในการจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน