svasdssvasds

รายงานชี้ โลกได้เข้าสู่ 'จุดเปลี่ยน' ของสภาพภูมิอากาศครั้งแรก

รายงานชี้ โลกได้เข้าสู่ 'จุดเปลี่ยน' ของสภาพภูมิอากาศครั้งแรก

โลกของเรากำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อต้องเผชิญกับ "จุดเปลี่ยน" ทางสภาพภูมิอากาศขั้นแรก ที่อาจนำไปสู่หายนะในขั้นต่อไป

SHORT CUT

  • รายงานจากสถาบันระบบโลกระบุว่าโลกได้เข้าสู่ "จุดเปลี่ยน" ทางสภาพภูมิอากาศขั้นแรกแล้ว ซึ่งก็คือการตายอย่างแพร่หลายของแนวปะการัง
  • สาเหตุหลักเกิดจากอุณหภูมิมหาสมุทรที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้เกิดเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ที่สุดทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลอย่างกว้างขวาง
  • การสูญเสียแนวปะการังเป็นสัญญาณเตือนถึงจุดเปลี่ยนอื่นๆ ที่อาจตามมา เช่น การพังทลายของกระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติก หากไม่สามารถจำกัดภาวะโลกร้อนได้

โลกของเรากำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อต้องเผชิญกับ "จุดเปลี่ยน" ทางสภาพภูมิอากาศขั้นแรก ที่อาจนำไปสู่หายนะในขั้นต่อไป

รายงานที่เผยแพร่โดยสถาบันระบบโลก (Global Systems Institute) แห่งมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ชองอังกฤษ ระบุว่า โลกกำลังเข้าใกล้ "จุดเปลี่ยน" ทางสภาพภูมิอากาศขั้นแรกของเหตุการณ์หายนะทางสิ่งแวดล้อม ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกที่เรารู้จัก และอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทั้งมนุษย์และธรรมชาติ

ขณะที่มนุษย์เผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเป็นต้นเหตุของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดคลื่นความร้อน น้ำท่วม ภัยแล้ง และไฟป่าที่รุนแรงยิ่งขึ้น แต่ยังมีผลกระทบที่ร้ายแรงกว่านั้นรออยู่ข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจผลักดันระบบสำคัญๆ ของโลก ตั้งแต่ป่าฝนแอมะซอนไปจนถึงแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกให้เสียสมดุลจนพังทลาย ส่งผลกระทบร้ายแรงไปทั่วโลก

โดย "จุดเปลี่ยน" ขั้นแรกที่รายงานกล่าวถึง ก็คือ การตายอย่างแพร่หลายของแนวปะการัง ตามรายงานสำคัญที่จัดทำโดยนักวิทยาศาสตร์ 160 คนทั่วโลก

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 แนวปะการังทั่วโลกต้องเผชิญกับเหตุการณ์ฟอกขาวครั้งใหญ่ที่สุด ขณะที่อุณหภูมิมหาสมุทรพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ กระทบสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลมากกว่า 80% สีสันต่างๆ ที่เคยมีกำลังจะถูกแทนที่ด้วยภูมิทัศน์ของปะการังที่ฟอกขาวและเต็มไปด้วยสาหร่ายทะเล

รายงานชี้ โลกได้เข้าสู่ \'จุดเปลี่ยน\' ของสภาพภูมิอากาศครั้งแรก

มนุษย์กำลังผลักแนวปะการังให้แบกรับวิกฤตเกินกว่าที่พวกมันจะรับไหว และหากเราไม่สามารถแก้ไขภาวะโลกร้อนได้ แนวปะการังขนาดใหญ่ที่เรารู้จักอาจสูญหายไปตลอดกาล

แนวปะการังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญของสิ่งมีชีวิตในทะเล มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร มีส่วนช่วยสร้างมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ให้กับเศรษฐกิจโลกและเป็นเกราะป้องกันพื้นที่ชายฝั่งจากพายุ ซึ่งหมายความว่าการสูญเสียพวกมันไปจะส่งผลกระทบในวงกว้าง

หากอุณหภูมิยังคงสูงขึ้นต่อไป สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เพราะหลังจากนี้โลกยังต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนอีกหลายจุด โดยเฉพาะเมื่อผู้นำโลกไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการจำกัดภาวะโลกร้อนไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมได้

หนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าตกใจที่สุดคือการพังทลายของกระแสน้ำวนแอตแลนติกเมอริเดียน (Atlantic Meridional Overturning Circulation)เครือข่ายกระแสน้ำสำคัญที่รู้จักกันในชื่อ AMOC ซึ่งอาจก่อให้เกิดหายนะระดับโลก ส่งผลให้บางส่วนของโลกตกอยู่ในภาวะแช่แข็ง บางส่วนร้อนขึ้น รวมถึงผลกระทบต่อฤดูมรสุม และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นด้วย