แหล่งน้ำของยุโรปกำลังแห้งเหือด ไม่ต่างจากเอเชีย-อเมริกาใต้

นักวิทยาศาสตร์เผยข้อมูลจากผลจากการวิเคราะห์ใหม่ โดยใช้ข้อมูลดาวเทียมตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา พบว่าแหล่งน้ำจืดในยุโรปส่วนใหญ่เริ่มแห้งเหือดลง โดยแหล่งน้ำจืดในยุโรปตอนใต้และตอนกลาง ตั้งแต่สเปนและอิตาลี ไปจนถึงโปแลนด์และบางส่วนของสหราชอาณาจักร

สิ่งที่น่ากังวลคือ ผลการวิจัยครั้งนี้เผยให้เห็นถึงความไม่สมดุลอย่างชัดเจน โดยทวีปยุโรปตอนเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะแถบสแกนดิเนเวีย บางส่วนของสหราชอาณาจักร และโปรตุเกส มีฝนตกมากขึ้น ขณะที่ทวีปยุโรปตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้มีฝนตกหนัก แต่ปริมาณฝนเหล่านี้กลับไม่สามารถถูกกักเก็บในแหล่งน้ำสำรองตามธรรมชาติ

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า นี่ควรเป็น “สัญญาณเตือน” สำหรับนักการเมืองที่ยังคงลังเลเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เราไม่ได้พูดถึงการจำกัดภาวะโลกร้อนไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียสอีกต่อไป แต่เรากำลังมุ่งหน้าสู่ระดับ 2 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม และตอนนี้เรากำลังเผชิญกับผลกระทบที่ตามมา

นอกจากนี้นักวิจัยยังได้แยกปริมาณน้ำใต้ดินออกจากข้อมูลน้ำบนบกทั้งหมด และพบว่ามีแนวโน้มที่แหล่งน้ำจืดหลายแห่งของยุโรปเหือดแห้งลง ทำให้ภาคตะวันออกของภูมิภาคแห้งแล้งมากขึ้น 

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอุทกวิทยาแสดงความวิตกต่อแนวโน้มในระยะยาว หลังยุโรปเพิ่งผ่านภัยแล้งครั้งใหญ่หลายครั้ง และยังคงประสบภัยแล้งอยู่ ซึ่งหากฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปีหน้า ยุโรปไม่ได้รับปริมาณน้ำฝนตามที่ต้องการ พวกเขาต้องเผชิญผลกระทบร้ายแรง เช่น ข้อจำกัดการใช้น้ำอย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้ชีวิตของทุกคนยากลำบาก

ด้านเอ็มมา ฮาร์ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำของอังกฤษ ก็แสดงความกังวลต่อปัญหานี้ เธอเผยว่ารัฐบาลเองก็กำลังได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้น พวกเขากำลังเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน รวมถึงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำใหม่ 9 แห่ง เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของน้ำในระยะยาว 

ปัญหาสำคัญคือวิกฤตภัยแล้งของยุโรปไม่ได้กระทบเพียงบางพื้นที่ แต่จะส่งผลกระทบ “ในวงกว้าง” ต่อความมั่นคงทางอาหาร เกษตรกรรม ของทั้งภูมิภาค 

นอกจากยุโรปแล้ว ในระดับโลกเองก็กำลังเผชิญกับภาวะแห้งแล้งกำลังเกิดขึ้นทั่วตะวันออกกลาง เอเชีย อเมริกาใต้ ตามแนวชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา และทั่วบริเวณแคนาดา หนึ่งในนั้นคือกรุงเตหะรานของอิหร่านที่กำลังเข้าใกล้ 'Day Zero' หรือวันที่น้ำหมดเมือง