นอกจากโลกร้อน ทำให้เกิดภัยพิบัติรุนแรง จนนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สินและชีวิตคนทื่รัก ในขณะเดียวกัน โลกร้อน กำลังทำให้คนเป็นอยู่ยากมากขึ้นด้วย จากราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้นทวีคูณ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม?
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โลกเผชิญหน้ากับสภาพภูมิอากาศสุดโหดมาเยอะมาก เช่น คลื่นความร้อน พายุ แผ่นดินไหว สึนามิ ไฟป่า น้ำท่วม ฯลฯ ทำให้ผู้คนสูญเสียทรัพย์สิน รวมถึงชีวิตอันเป็นที่รักไปมากมาย ไม่เพียงแค่ปัจจัยธรรมชาติ แต่ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ปัญหาพลังงาน สงคราม นโยบายภาษี นโยบายการส่งออก เป็นต้น และในระยะยาว ภัยเหล่านี้กำลังผลักดันให้คนเป็นอยู่ยากมากขึ้นด้วย
การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Environment Research Letters วิเคราะห์ตัวอย่าง 16 ตัวอย่างของการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารทั่วโลกที่เกิดขึ้น หลังผ่านพ้นช่วงที่เผชิญหน้ากับสภาพอากาศร้อนจัด ภัยแล้ง และฝนตกหนัก ในช่วงปี 2021-2024
การศึกษาได้สรุปออกมาเป็นภาพแผนที่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นสีต่าง ๆ เพื่อบ่งชี้ว่า พื้นที่นั้นประสบกับปัญหาแบบไหน และกระทบต่อราคาอาหารอย่างไร โดยอ้างอิงข้อมูลสภาพภูมิอากาศในอดีตจากเดือนเดียวกันหรือช่วงเวลาเดียวกันระหว่างปีค.ศ. 1940-2019
7.สหราชอาณาจักร : ราคามันฝรั่งเพิ่มขึ้น 22% ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2024
8.ปากีสถาน : อาหารท้องถิ่นราคาสูงขึ้น 50% ในปี 2022-2023 หลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ในเดือนสิงหาคม 2022
9.ออสเตรเลีย : ราคาผักกาดหอม ราคาสูงขึ้น 300% หนึ่งเดือนให้หลัง หลังเจอน้ำท่วมหนักในเดือนมกราคม-เมษายนในปี 2022
10.กานา/ไอวิรีโคสต์ ประเทศชายฝั่งของแอฟริกาตะวันตก : ราคาโกโก้โลกเพิ่มสูงขึ้น 280% ในเดือนเมษายน 2023-2024
11.แอฟริกาใต้ : ราคาข้าวโพดเพิ่มสูงขึ้น 36% ในเดือนเมษายน 2023-2024
12.อินเดีย : ราคาหัวหอมเพิ่มขึ้น 89% และราคามันฝรั่งเพิ่มขึ้น 81% ในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2024
13.จีน : ราคาผักเพิ่มขึ้น 30% ในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2024
14.เวียดนาม : กาแฟโรบัสต้า ราคาเพิ่มขึ้น 100% ในเดือนมกราคม- กรกฎาคม 2024
15.เกาหลีใต้ : ราคากะหล่ำปลีเพิ่มขึ้น 70% ในเดือนพฤศจิกายน 2023-2024
16.ญี่ปุ่น : ราคาข้าวเพิ่มขึ้น 48% ในเดือนกันยายน 2023-2024
รายงานจาก Oxford Economics ปี 2022 เผยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลต่อราคาอาหารในประเทศสมาชิกอาเซียนเช่นกัน โดยการศึกษาพบว่า เมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1% จะทำให้ราคาอาหารของผู้ผลิตสูงขึ้น 1-2% ในประเทศไทย เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตอาหารก็เพิ่มขึ้นประมาณ 0.5-0.8% โดยคาดว่าประเทศไทยและเวียดนามจะกระทบมากสุด ส่งผลให้ราคาอาหารพุ่งสูงถึง 6%
อนึ่ง อาเซียนมีสัดส่วนการส่งออกอาหารทั่วโลก 9.1% ในปี 2021 และในปี 2000 ก็เพิ่มขึ้นถึง 6.6%
แม็กซิมิเลียน คอทซ์ นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศและหัวหน้าคณะผู้วิจัย กล่าวผ่าน Climate Impacts Tracker ว่า “การเพิ่มขึ้นของราคาอาหารครั้งนี้ไม่ใช่ “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว” เพราะคาดการณ์ว่า สภาวะการณ์ในอนาคตจะเลวร้ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของราคาอาหารและอัตราเงินเฟ้อ” งานวิจัยพบว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ โดยเฉพาะภูมิภาคที่มีอากาศร้อนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด และผลกระทบมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต
Dr.Jasper Verschuur ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์และความมั่นคงด้านสภาพภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ ในประเทศเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า “นี่จะเป็นเครื่องเตือนใจที่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างความกดดันอย่างมากต่อการผลิตพืชผลทั่วโลก การศึกษาได้เน้นย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อภาคการเกษตร อาจส่งผลกระทบในหลายภาคส่วน เช่น ด้านสุขภาพ เสถียรภาพทางการเมือง และนโยบายการเงิน”
ไม่เพียงแค่นั่น สิ่งเหล่านี้เองจะนำไปสู่ภาวะขาดแคลนอาหารและความไม่เท่าเทียมกันด้านสุขภาพที่เลวร้ายลงไปอีก รวมไปถึงความเสี่ยงทางการเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศเปราะบาง
ที่มาข้อมูล