svasdssvasds

ธารน้ำแข็งจ่อละลายหายปีละหลายพันแห่ง หากไม่เร่งแก้โลกร้อน

ธารน้ำแข็งจ่อละลายหายปีละหลายพันแห่ง หากไม่เร่งแก้โลกร้อน

ผลการวิจัยล่าสุดเผยธารน้ำแข็งทั่วโลกอาจละลายหายไปปีละ 2-4 พันแห่ง ภายในกลางศตวรรษนี้ หากยังไม่เร่งแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

SHORT CUT

  • ผลการศึกษาเตือนว่าธารน้ำแข็งหลายพันแห่งจะละลายหายไปทุกปีในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า หากไม่สามารถควบคุมปัญหาภาวะโลกร้อนได้
  • ปัจจุบันโลกสูญเสียธารน้ำแข็งประมาณ 1,000 แห่งต่อปี และคาดว่าอัตรานี้จะเร่งตัวขึ้นจนถึงจุดสูงสุดที่ 2,000 แห่งต่อปีภายในปี 2041
  • การสูญเสียธารน้ำแข็งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่น และอาจทำให้ธารน้ำแข็งของโลกเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งภายในสิ้นศตวรรษนี้

ผลการวิจัยล่าสุดเผยธารน้ำแข็งทั่วโลกอาจละลายหายไปปีละ 2-4 พันแห่ง ภายในกลางศตวรรษนี้ หากยังไม่เร่งแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Climate Change เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ระบุว่า ธารน้ำแข็งหลายพันแห่งจะละลายหายไปทุกปีในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า และจะหลงเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อสิ้นศตวรรษนี้ หากไม่สามารถควบคุมปัญหาภาวะโลกร้อนได้
งานวิจัยยังระบุด้วยว่า การดำเนินการของรัฐบาลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจเป็นตัวกำหนดว่าโลกจะสูญเสียธารน้ำแข็งราว 2,000 – 4,000 แห่งต่อปีภายในช่วงกลางศตวรรษนี้

อุณหภูมิที่แตกต่างกันเพียงไม่กี่องศาเซลเซียสอาขเป็นความแตกต่างระหว่างการรักษาธารน้ำแข็งเกือบครึ่งหนึ่งของดลกเอาไว้ได้ในปี 2100 หรือเหลือน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์

แลนเดอร์ แวน ทริชต์ นักธารน้ำแข็งวิทยาจาก ETH Zurich และผู้นำการวิจัย เปิดเผยว่า ผลการศึกษาของพวกเขาตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนของนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่มีความทะเยอทะยาน

ธารน้ำแข็งจ่อละลายหายปีละหลายพันแห่ง หากไม่เร่งแก้โลกร้อน

ปกติแล้ว นักวิจัยมักมุ่งเน้นการศึกษาไปที่การสูญเสียมวลและพื้นที่ของธารน้ำแข็งยักษ์ของโลก แต่ทริชต์และคณะตั้งเป้าที่จะหาจำนวนธารน้ำแข็งอาจละลายหายไปกี่แห่งต่อปีภายในศตวรรษนี้

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แม้ว่าการละลายของธารน้ำแข็งขนาดเล็กแต่ละแห่งอาจส่งผลกระทบต่อระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นน้อยกว่าธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ แต่การสูญเสียธารน้ำแข็งเหล่านี้อาจสร้างความเสียหายอย่างมากต่อการท่องเที่ยวหรือวัฒนธรรมท้องถิ่น

ทริชต์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การหายไปของธารน้ำแข็งแต่ละแห่งสามารถสร้างผลกระทบระดับท้องถิ่นอย่างใหญ่หลวงได้ แม้ว่าปริมาณน้ำที่ละลายจากธารน้ำแข็งลงสู่ทะเลนั้นจะมีน้อยก็ตาม

แมทธิอัส ฮัสส์ อีกหนึ่งผู้ร่วมเขียนงานวิจัย ซึ่งเป็นนักธารน้ำแข็งวิทยาจาก ETH Zurich เช่นกัน เปิดเผยว่า การสูญเสียธารน้ำแข็งที่กำลังพูดถึงกันอยู่นี้ ไม่ได้เป็นเพียงประเด็นความกังวลทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังกระทบจิตใจของผู้คนอย่างแท้จริง

ธารน้ำแข็งจ่อละลายหายปีละหลายพันแห่ง หากไม่เร่งแก้โลกร้อน

จุดสูงสุดของการสูญสิ้นธารน้ำแข็ง

นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจสอบขอบเขตของธารน้ำแข็ง จำนวน 211,490 แห่งที่ได้จากฐานข้อมูลดาวเทียมทั่วโลก เพื่อกำหนดปีที่ธารน้ำแข็งจำนวนมากที่สุดจะละลายหายไป ซึ่งเป็นแนวคิดที่นักวิจัยทีมนี้เรียกว่าเป็น “จุดสูงสุดของการสูญสิ้นธารน้ำแข็ง” (Peak Glacier Extinction)

ปัจจุบัน โลกกำลังสูญเสียธารน้ำแข็งประมาณ 1,000 แห่งทุกปี แต่การศึกษาชิ้นนี้เตือนว่าอัตราดังกล่าวจะเร่งตัวขึ้น

จำนวนธารน้ำแข็งที่หายไปต่อปีจะสูงสุดที่ 2,000 แห่งภายในปี 2041 แม้ว่าภาวะโลกร้อนจะถูกจำกัดไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ประเทศต่างๆ ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการภายใต้ข้อตกลงปารีส ปี 2015 เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ในอัตรานี้ ธารน้ำแข็งทั่วโลกจะหลงเหลืออยู่เพียง 95,957 แห่งภายในปี 2100 หรือเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม องค์การสหประชาชาติ (UN) เตือนว่า ภาวะโลกร้อนกำลังจะเกิน 1.5 องศาเซลเซียสภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

 

 

ที่มา: The Straits Times