Volvo เลิกผลิตรถดีเซล พัฒนารถ EV เต็มตัว ยอดขายพุ่ง 70% ชิงส่วนแบ่ง 34% ทั่วโลก

Volvo แบรนด์สัญชาติสวีเดนที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย สมชื่อ "Volvo for Life" ได้ประกาศเลิกผลิตรถยนต์ดีเซลเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถือเป็นการฉลองครบรอบ 97 ปีของแบรนด์วอลโว่ที่จะก้าวสู่การพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว

ยอดขายส่วนใหญ่ของวอลโว่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ปีที่แล้ว พร้อมยังได้รับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบไปแล้วถึง 70 เปอร์เซ็นต์ และส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นเป็น 34 เปอร์เซ็นต์

ถึงอนาคตของวอลโว่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ แต่ยังคงจำหน่ายรุ่น Plug-in และ Mild Hybrid ที่จะทำหน้าที่สะพานเชื่อมที่สมบูรณ์แบบในการหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า 

ประวัติศาสตร์รถดีเซลของแบรนด์ Volvo

• ปี 2522 ทั้งสวีเดนและยุโรปไม่ใช่ตลาดดีเซล ส่วนใหญ่คนที่ใช้รถดีเซลคือคนขับแท็กซี่หรือนักเดินทางไกล แต่ผู้คนเริ่มเห็นประโยชน์ของเครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและความต้องการก็เพิ่มขึ้น ดังนั้นวอลโว่จึงได้เปิดตัวรถยนต์ดีเซลคันแรกนั่นคือ Volvo 244 GL D6

• ปี 2544 Volvo V40 เป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่สร้างขึ้นเองโดยวอลโว่เป็นครั้งแรก ชิ้นส่วนห้าสูบนี้ผลิตขึ้นที่โรงงานระบบส่งกําลังของ Volvo ในเมือง Skövde ประเทศสวีเดน ขับเคลื่อนแบรนด์ Volvo ฮิตทั่วยุโรป และเครื่องยนต์รุ่นนี้ทรงพลังมากจนใช้ในสนามแข่งในรถที่เรียกว่า Volvo S60 Challenge 

• ปี 2551 วอลโว่เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Drive-E ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กแต่มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดจนวิ่งได้ระยะทาง 1,300 กม./น้ำมันเต็มถัง การปล่อย C02 ต่ํามากจนถูกจัดประเภทเป็น 'เครื่องยนต์สีเขียว' ในสวีเดน

• ปี 2555 เปิดตัว Volvo V60 D6 ปลั๊กอินไฮบริดคันแรกของโลกที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล วิ่งได้ 50 กม. ด้วยพลังงานไฟฟ้า มีระยะทางรวมสูงสุด 1,000 กิโลเมตร และด้วยกําลังรวม 215+70 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.2 วินาที

• ปี 2556 เปิดตัว Volvo Engine Architecture (VEA) การผสมผสานระหว่างแรงดันการฉีดสูงและเทคโนโลยี i-ART ที่ถือเป็นการปฏิวัติในอุตสาหกรรมดีเซล เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ถูกนํามาใช้ในหลากหลายรุ่นจนถึงปัจจุบัน 

• ปี 2566 วอลโว่เลิกผลิตเครื่องยนต์สันดาป โดยการขายหุ้นใน Aurobay ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านเครื่องยนต์สันดาปที่มีร่วมกับ Geely Holding