SHORT CUT
Neta V ทุบราคาช็อก! เหลือ 2.99 แสน "ต่ำกว่าทุน" ถูกกว่าเดิมเกือบครึ่ง ดีลเลอร์เหลือ 3 แห่งทั่วไทย ลูกค้าผวาหนัก หวั่นบริษัทแม่ในจีนสั่งปิดกิจการ
สถานการณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า NETA ในประเทศไทยเข้าขั้นวิกฤตหนัก ล่าสุดมีการปรับลดราคา NETA V ลงอีกเหลือเพียง 299,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ระบุว่า "ต่ำกว่าทุน" และถูกกว่าราคาเปิดตัว NETA V II รุ่นเริ่มต้น (549,000 บาท) เกือบครึ่งหนึ่ง
การดิ่งลงของราคาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางข่าวร้ายที่ถาโถมเข้าใส่แบรนด์อย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนดีลเลอร์ที่ลดฮวบเหลือเพียง 3 แห่งทั่วประเทศ และปัญหาการเงินรุนแรงของบริษัทแม่ในจีน
จากเดิมที่มีโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ ปัจจุบันตัวแทนจำหน่าย NETA ในประเทศไทยเหลือเพียง 3 แห่งเท่านั้น (กรุงเทพฯ 1 แห่ง และต่างจังหวัด 2 แห่ง)
สร้างความกังวลอย่างหนักให้แก่ลูกค้าปัจจุบันในเรื่องการบริการหลังการขายและการเคลมประกัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ดีลเลอร์บางรายได้นำ NETA V II มาลดล้างสต็อกในราคา 319,000 บาท โดยระบุว่าเป็นล็อตสุดท้ายก่อนปิดตัว
ความไม่แน่นอนนี้สอดคล้องกับความพยายามของผู้บริหารชาวจีนของเนต้า ไทยแลนด์ ที่พยายามเสนอขายกิจการให้กับกลุ่มทุนไทยด้วยมูลค่าราว 1,200-2,000 ล้านบาท
แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าแบรนด์มีความเสี่ยงสูงและยากที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในระยะยาว
ล่าสุด ดีลเลอร์ NETA รายหนึ่งได้ประกาศลดราคา NETA V II เหลือ 319,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง โดยอาศัย "กิ๊งกือ ช็อป" อู่ซ่อมรถชื่อดังช่วยประชาสัมพันธ์และจำหน่าย
ซึ่งทางเพจของ กิ๊งกือ ช็อป ระบุว่าเป็นรถล็อตสุดท้ายของศูนย์ดังกล่าว หากขายหมดก็จะปิดตัวลงเช่นกัน นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งนักที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการต้องพึ่งพาอู่นอกในการระบายสต็อกสินค้า
ความกังวลยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีรายงานว่า สำนักงานใหญ่ของเนต้า ออโต้ ประเทศไทย ที่อาคาร RSU Tower สุขุมวิท ได้ต่อสัญญาเช่าเพียงระยะสั้นเท่านั้น
ประกอบกับประเด็นปัญหาภายในที่พนักงานบริษัทรายหนึ่งเข้าแจ้งความว่าถูกหลอกให้เซ็นเป็นกรรมการคนเดียวของบริษัท และพนักงานจำนวนไม่น้อยทยอยลาออก โดยมีผลสิ้นสุดการทำงานในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ศูนย์กระจายอะไหล่เนต้าแห่งใหม่ บนถนนเพชรเกษม ซึ่งบริหารจัดการโดย บริษัท นครชัยศรี ออโตโมบิล จำกัด ก็เริ่มแสดงความไม่มั่นใจในการดำเนินธุรกิจร่วมกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนรายนี้เช่นกัน
ปัญหาใหญ่มาจากบริษัทแม่ Hozon New Energy Automobile Co., Ltd. ในประเทศจีน ที่ประสบภาวะขาดทุนสะสมมหาศาลสูงถึง 100,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 400,000 ล้านบาท
จนต้องยุติกิจการในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ ทำให้เกิดคำถามว่าชะตากรรมของ NETA ในไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อดูจากยอดขาย โดย 4 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) NETA มียอดจดทะเบียนเพียง 1,067 คัน ลดลงถึง 37.3% สวนทางกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมที่เติบโตขึ้น 22.35%
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นปัญหาภายในบริษัท เมื่อ นางสาวสรินยา ศรีไทย พนักงานตำแหน่ง Sale Operation Specialist ได้เข้าลงบันทึกประจำวันที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568
หลังพบว่าตนมีชื่อเป็นกรรมการบริษัทเพียงคนเดียว ทั้งที่ตกลงว่าต้องมี 2 คน ซึ่งทางเนต้า ไทยแลนด์ ชี้แจงว่ากำลังแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 12 มิถุนายน 2568
ผู้ใช้งาน NETA หลายรายยังได้ร้องเรียนเรื่องบริการหลังการขายที่ล่าช้า ปัญหาการรออะไหล่นาน ดีลเลอร์บางแห่งปฏิเสธการซ่อม และบริษัทประกันภัยบางแห่งไม่รับทำประกันรถยนต์ให้กับ NETA แล้ว