SHORT CUT
วิกฤตแม่น้ำกกปนเปื้อนสารหนู ผู้ว่าฯยืนยันใช้ทำเกษตรได้ต้องปรับดิน นักวิชาการเตือนข้าวดูดซึมสารพิษสูง เสี่ยงล่มสลายทั้งลุ่มน้ำ
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 68 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายอำเภอและเกษตรจังหวัด ลงพื้นที่พบเกษตรกรผู้ทำนา ณ หมู่ที่ 8 บ้านไตรแก้ว ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย โดยระบุว่า ผลการตรวจสอบจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (สคพ.1) จ.เชียงใหม่ ยืนยันว่า ในน้ำแม่น้ำกกมีการตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในบางจุด ซึ่งระดับการปนเปื้อนมีความแตกต่างกัน และย้ำว่าหน่วยงานรัฐไม่ได้ปิดบังข้อมูล มีการเปิดผลการตรวจสอบทุกเดือน ข้อมูลที่ถูกต้องควนมาจากหน่วยงานรัฐที่ตรวจสอบผ่านเครื่องมือที่มีมาตรฐานและมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้ว่าฯ ยืนยันว่า น้ำประปาจากการประปาภูมิภาคสาขาเชียงราย และประปาหมู่บ้านที่ใช้น้ำจากแม่น้ำกก เป็นน้ำประปาที่ผลิตมีคุณภาพปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐาน และสามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ตามปกติ
ส่วนแม่น้ำกกยังสามารถใช้สำหรับการเพาะปลูกได้หรือไม่ เกษตรจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยจำกัดการแพร่กระจายของสารหนูจากน้ำเข้าสู่พืช คือ “การปรับปรุงคุณภาพดินให้มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่เหมาะสม” โดยเฉพาะค่า pH 6.5 ขึ้นไป จะช่วยลดการดูดซึมโลหะหนักเข้าสู่พืชผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากผลการตรวจสอบล่าสุดพบว่า ปริมาณสารหนูในพืชและสัตว์น้ำที่เก็บตัวอย่างในแม่น้ำกกนั้น “ไม่เกินค่ามาตรฐาน”
ด้าน ดร.สืบสกุล กิจนุกร อ.ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ทำหนังสือถึง น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ความเป็นห่วงเรื่องการเกษตรและห่วงโซ่อาหารในลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง จากกรณีที่ผู้ว่าฯ พร้อมเกษตรจังหวัดกล่าวถึงประเด็นดังกล่าว มีข้อสังเกตและคำถามดังนี้
ด้านนายบัณรส บัวคลี่ สภาลมหายใจภาคเหนือ โพสต์ข้อความขอหน่วยงานวิชาการและหน่วยงานรัฐอื่นช่วยตรวจสอบ “เพราะเดิมพันนี้สูงมาก” หากมีสารหนูตกค้างผลผลิตในอนาคต มันจะล่มสลายทั้งลุ่มน้ำ การปรับปรุงดินเพียงอย่างเดียว เพียงพอหรือไม่สำหรับกรรมวิธีนาข้าว
ทำไมถึงแนะนำให้ปรับ pH ดินเพียงอย่างเดียว มันเพียงพอจัดการกับความแตกต่างของรูปแบบและพฤติกรรมสารหนูแบบต่างๆ เช่น * Arsenite (As(III)) และ Arsenate (As(V)) แค่ไหน ใช่หรือไม่ที่ Arsenite (As(III)) มักจะมีความเป็นพิษสูงกว่า v และเคลื่อนย้ายได้ง่ายกว่าในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน โดยเฉพาะในนาข้าวที่น้ำขัง
เกษตรจังหวัด ให้ชาวนาปรุงดินก่อน ถามว่า ควรจะบอกละเอียดขึ้นมั้ย ในแง่ความถี่ ทำครั้งเดียวปลอดภัย อยู่ยาวถึงเก็บเกี่ยวเลยใช่ไหม จริงหรือไม่ที่ สารหนูในน้ำจะถูกนำเข้าสู่ดินอย่างต่อเนื่อง: หากแหล่งน้ำที่ใช้ในการทำนายังคงมีสารหนูเกินมาตรฐาน การปรับปรุงดินเพียงครั้งเดียวตอนต้นจะยันได้ยาวนานแค่ไหน เพราะสารหนูจะถูกเติมเข้ามาในระบบเรื่อยๆ
.
“ในทางวิชาการพืช ข้าวเป็นพืชที่ดูดซึมสารหนูได้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพนาข้าวที่มีน้ำขัง (anaerobic conditions) สภาพเช่นนี้จะส่งเสริมให้ Arsenate (As(V)) เปลี่ยนเป็น Arsenite (As(III)) ซึ่งเป็นรูปแบบที่เคลื่อนย้ายได้ง่ายและเป็นพิษมากกว่า และพืชจะดูดซึมเข้าไปสะสมในเม็ดข้าวได้”
ความน่ากังวลเหล่านี้ ควรที่มีหน่วยวิชาการตรวจสอบยืนยัน เพื่อสรุปว่า เราควรมีประกาศมาตรการเพิ่มเติมอีกมั้ย อย่างเช่น
* การบำบัดน้ำก่อนใช้ (Water Treatment): ออกแบบตกตะกอน หรือ กรองด้วยวิธีง่าย
* การจัดการน้ำในนาข้าว (Water Management): เช่นให้น้ำแบบสลับเปียกสลับแห้ง (Alternate Wetting and Drying - AWD): หรือเร่งรัดวิจัยการทำนาแบบไร่น้ำขังตลอดเวลา รองรับสถานการณ์สารพิษปนเปื้อนที่ยืดเยื้อ ขอหน่วยอื่นช่วยขยับหน่อยเถอะครับ ก่อนจะสายเกินไป