SHORT CUT
พลิกประวัติศาสตร์! เม็กซิโกประกาศ "กฎหมายคุ้มครองโลมา" ห้ามโชว์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลทุกชนิด ฝ่าฝืนโทษหนักสุดปรับ 8 ล้านเปโซเม็กซิโก หรือประมาณ 16.8 ล้านบาท ชี้อุตสาหกรรมเก่าถึงจุดจบ
เมื่อเร็ว ๆ นี้สภาผู้แทนราษฎรเม็กซิโกได้มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 415 ต่อ 0 ในการแก้ไขกฎหมายทั่วไปว่าด้วยสัตว์ป่า (Ley General de Vida Silvestre) เพื่อห้ามการแสดงโลมา วาฬเพชฌฆาต สิงโตทะเล และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลชนิดอื่น รวมถึงการจัดตั้งสวนโลมาแห่งใหม่ในประเทศ
กฎหมายฉบับใหม่นี้ อนุญาตให้กักขังสัตว์เหล่านี้ได้เฉพาะในกรณีที่เป็นสัตว์ที่ได้รับการช่วยเหลือ หรือเพื่อการวิจัยและอนุรักษ์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น โดยต้องไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อความบันเทิงหรือผลกำไร และต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างเคร่งครัด
ร่างกฎหมายฉบับนี้ ผ่านการเห็นชอบจากวุฒิสภาเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญเมื่อเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงฉันทามติทางการเมืองที่หายากในประเด็นสวัสดิภาพสัตว์ กฎหมายกำหนดบทลงโทษเป็นค่าปรับตั้งแต่ 200 ถึง 75,000 เท่าของหน่วย UMA (Unidad de Medida y Actualización) ซึ่งคิดเป็นมูลค่าสูงสุดกว่า 8 ล้านเปโซเม็กซิโก หรือประมาณ 16.8 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
Virginia Reyes สมาชิกรัฐสภา กล่าวว่า "ไม่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลใดควรถูกบีบบังคับให้เป็นเครื่องมือความบันเทิงอีกต่อไป"
เม็กซิโกถือเป็นผู้นำสำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และหลายประเทศควรเดินตามรอย องค์กรพิทักษ์สัตว์โลก (World Animal Protection) โดย Suzanne Milthorpe หัวหน้าการรณรงค์ประจำประเทศออสเตรเลีย ชื่นชมการตัดสินใจของเม็กซิโกอย่างยิ่ง โดยระบุว่ามีหลักฐานจำนวนมากที่ยืนยันถึงความทุกข์ทรมานของโลมาที่ถูกกักขังทั่วโลก
เธอกล่าวว่า "วันนี้ เราเข้าใกล้ความจริงที่ว่า โลมารุ่นนี้อาจเป็นรุ่นสุดท้ายที่ต้องทนทุกข์เพื่อความบันเทิงของมนุษย์" ความเปลี่ยนแปลงนี้ตอกย้ำว่า การกักขังสัตว์ป่าเพื่อธุรกิจไม่ใช่รูปแบบที่ยั่งยืนอีกต่อไป โลมาและวาฬเพชฌฆาตมีอายุยืนยาวหลายสิบปี แต่กระแสสังคมทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตระหนักถึงสวัสดิภาพสัตว์มากขึ้น
ประเทศไทยควรเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในการส่งเสริม“การท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ” และคุ้มครองสัตว์ทะเล Suzanne Milthorpe เรียกร้องให้ทางการเม็กซิโกกำกับดูแลสวัสดิภาพของโลมาที่ยังคงถูกกักขังอย่างจริงจัง และยังเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เร่งปฏิรูปกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า และยุติการใช้งานสัตว์ป่าในอุตสาหกรรมบันเทิง
นางสาวโรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย เน้นย้ำว่าโลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ "การท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ" ต่อทั้งสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม โดยมีบริษัทท่องเที่ยวระดับนานาชาติ เช่น Klook ที่เริ่มยุติการขายโปรแกรมที่แสวงประโยชน์จากสัตว์ป่า เธอเรียกร้องให้ รัฐบาลไทย ถือโอกาสนี้ เป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการ