svasdssvasds

“ถ้าไม่ตั้งใจฟัง เราก็ไม่มีทางรู้ว่ารบกวนอะไรอยู่” คุยกับ วรพจน์ บุญความดี

“ถ้าไม่ตั้งใจฟัง เราก็ไม่มีทางรู้ว่ารบกวนอะไรอยู่” คุยกับ วรพจน์ บุญความดี

มะเดี่ยว - วรพจน์ บุญความดี เขาคือนักธรรมชาติวิทยา ที่ตระเวนบันทึกเสียงธรรมชาติจากระบบนิเวศในไทยเก็บไว้บนเว็บไซต์ให้เราสามารถเข้าไปฟังได้ แล้วอะไรคือแรงผลักให้เขาทำสิ่งเหล่านี้

ว่ากันว่ามนุษย์ชอบละเลยของสำคัญใกล้ตัว

ไม่สิ, ต้องบอกว่าชีวิตมนุษย์ถูกกำหนดให้ละเลยของสำคัญใกล้ตัว

ในช่วงที่สรรพชีวิตกำลังดำเนินไปอย่างรีบเร่งในเมืองใหญ่ บ่ายวันหนึ่งที่สวนรถไฟ เรามีนัดกับ ‘มะเดี่ยว - วรพจน์ บุญความดี’ ชายวัย 30 ปลาย ผู้หลงใหลการฟังเสียงธรรมชาติ และบันทึกเก็บไว้ฟังส่วนตัว เป็นเสียงธรรมชาติส่วนตัว

สวนรถไฟมีเนื้อที่ 375 ไร่

เรานั่งหลบแดดกันอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่แถวเมืองจราจรจำลอง ห่างจากประตูทางเข้า 1 กิโลเมตร

และถนนกำแพงเพชร 2 อยู่ไกลจากเรา 1-2 กิโลเมตร

“หว๊อบ หว๊อบ หว๊อบ” นกเค้าแมวตัวหนึ่งส่งเสียงร้องไปตามธรรมชาติของมัน บินโฉบฉิวเล่นล้อไปกับสายลม ระหว่างบินมันเห็นคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งกำลังสุมหัวฟังเสียงใต้น้ำที่ลำธารเล็ก ๆ ใจกลางสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ฟังอย่างตั้งใจ

“ลองมาฟังสิครับ เราอยู่กลางสวนแบบนี้ แต่ยังได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถชัดแจ๋วเลย” มะเดี่ยวกวักมือให้ไปสวมหูฟัง แล้วพิสูจน์ในสิ่งที่เขาพูด

“ถ้าไม่ตั้งใจฟัง เราก็ไม่มีทางรู้ว่ารบกวนอะไรอยู่” คุยกับ วรพจน์ บุญความดี

ในลำธารแคบ น้ำสูงครึ่งหน้าแข้ง เราได้ยินเสียงรถวิ่งกระหึ่มอยู่ไกล ๆ ฟังนานเข้าได้ยินเสียงเบรก “เอี๊ยดด” แทบไม่เชื่อหูตัวเอง เสียงเดินทางผ่านอากาศมาถึงใต้น้ำจนได้ยินชัดแจ๋วขนาดนี้ได้ยังไง

“เดี๋ยวลองปรับ low cut นะครับ เอาเสียงถนนออก”

“…..”

“ได้ยินเสียง น่าจะเสียงปลา...ไม่ก็แมลง มันร้อง กรอด กรอด”

“นั่นเสียงปลากริมครับ” มะเดี่ยวเฉลยเจ้าของเสียง

“เสียงต่างกันเยอะมากเนอะ แบบแรกคือเสียงที่เราได้ยินปกติในชีวิตประจำวัน เราอยู่ท่ามกลางเสียงแบบนี้ การปรับ low cut คือการลบเสียงความถี่ต่ำจากเครื่องยนต์ออก”

เสียงของชายชาวอเมริกัน.mp3

เบอร์นีย์ เคลาส์ นักนิเวศวิทยาด้านเสียงชาวอเมริกัน โดยให้ผมไปดูคลิปที่เคลาส์ขึ้นพูดบน TED เวทีที่เปิดโอกาสให้ speaker มาแชร์ประสบการณ์และแบ่งปันเรื่องราวภายในเวลาสั้น ๆ

12 ปีที่แล้ว เคลาส์ขึ้นพูดในหัวข้อ ‘เสียงในโลกธรรมชาติ’ มีคนดูแค่ 1.8 แสนวิว คอมเมนต์อีกร้อยกว่า นักบันทึกเสียงธรรมชาติรุ่นใหญ่เล่าให้ฟังว่าอย่างนี้

ในปี 1988 บริษัทรับตัดต้นไม้รายใหญ่โน้มน้าวชาวบ้านในซานฟรานซิสโก เพื่อขอตัดต้นไม้บนภูเขาเซียร์ร่า เนวาดา ด้วยวิธี ‘ตัดแบบคัดเลือก’ (selective logging) ตัดต้นไม้เป็นหย่อม ๆ ไม่ตัดให้โกร๋นไปทั้งป่า และสัญญาว่าจะไม่เกิดผลกระทบใด ๆ ต่อสิ่งแวดล้อม

ถ้ามองด้วยตาเปล่า ไม่มีทางรู้ว่าความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพของป่าเป็นยังไง ดีขึ้น แย่ลง หรือเหมือนเดิม แต่เคลาส์ทำคนหน้าเวทีและผู้ชมทางบ้านอึ้งไปตาม ๆ กัน

เสียงบนภูเขาเซียร์ร่า เนวาดา ที่เคลาส์บันทึกเก็บไว้ตั้งแต่ก่อนไม้ถูกตัด ระหว่างตัด และหลังตัด บอกเราว่าป่าแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์น้อยลง จากป่าที่มีเสียงนกนานาชนิด หนหลังที่เคลาส์กลับไปบันทึกเสียง มีเสียงเจาะไม้ของนกหัวขวาน แค่ชนิดเดียว...

เสียงสำคัญขนาดนั้น

แล้วมะเดี่ยว คือ ใคร

เสียงของมะเดี่ยว.mp3

“เสียงมันบอกคุณลักษณะที่มากกว่าแค่ภาพที่ตาเราเห็น แต่บางครั้งถูกลืมไป เพราะมนุษย์เรารับรู้โลกผ่านการมองเห็น เราตาดี๊ดีมองเห็นทุกอย่าง จนลืมว่าเสียงมันมีอิทธิพลกับตัวเรามาก”

“ถ้าไม่ตั้งใจฟัง เราก็ไม่มีทางรู้ว่ารบกวนอะไรอยู่” คุยกับ วรพจน์ บุญความดี

มะเดี่ยว - วรพจน์ บุญความดี เป็นเจ้าของคำพูดเมื่อครู่

มะเดี่ยวเป็นนักธรรมชาติวิทยาและนักสื่อสารธรรมชาติ

มะเดี่ยวเป็น ‘ครูมะเดี่ยว’ คอยพาเด็ก ๆ เที่ยวและเรียนรู้ระบบนิเวศในธรรมชาติ

มะเดี่ยวเป็นทีมงานเบื้องหลังรายการ ‘อ่านป่ากับหมอหม่อง’ ที่ออกฉายทางช่อง Thai PBS

มะเดี่ยวเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง praisan.org เว็บไซต์รวบรวมเสียงธรรมชาติจากระบบนิเวศ 12 แห่งทั่วไทย มาให้ฟังกันฟรี ๆ

มะเดี่ยวเป็นนักบันทึกเสียงแบบที่ ‘เบอร์นีย์ เคลาส์’ ทำมาตลอด 50 ปี

Praisarn เว็บไซต์รวมเสียงธรรมชาติจากระบบนิเวศในไทย

 

เวลาคุณแบกอุปกรณ์ออกไปบันทึกเสียงธรรมชาติ คนรอบตัวถามไหมว่าทำอะไรกับชีวิตอยู่

"เราโชคดีที่คนรอบตัวเป็นคนในวงการธรรมชาติเยอะ  เขาก็เข้าใจ หลายคนสนับสนุนอยู่ตลอด ด่าไม่ค่อยมี (หัวเราะ)"

"แต่ว่ามันก็ยากเนอะ มันเป็นงานที่ต้องลงทั้งแรงและเวลา ตอนนี้ทุนของกองทุนสื่อหมดแล้ว เราก็ไม่ได้ออกไปอัดเสียงแบบที่ใจเราอยากอัด เราก็ทำงานอื่นเพื่อเลี้ยงชีวิตไปพลาง แต่ยังพกเครื่องบันทึกเสียงไปด้วยทุกครั้ง"

“ถ้าไม่ตั้งใจฟัง เราก็ไม่มีทางรู้ว่ารบกวนอะไรอยู่” คุยกับ วรพจน์ บุญความดี

 

อะไรคือสิ่งที่คุณค้นพบจากการทำโปรเจกต์ไพรศาล

"เราเชี่ยวชาญด้านการคว้าน้ำเหลว (หัวเราะ)"

"เราเดินทางไปบันทึกเสียงมา 12 ที่ แต่ละที่ยากหมดเลย เวลาบันทึกเสียง noise มันเป็นเรื่องใหญ่ เราต้องหาที่ที่เงียบที่สุด แต่บางทีมันก็ไม่มีที่ที่เงียบจริง ๆ หรือบางทีเรานั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปต่างจังหวัดหลายชั่วโมง ไปถึงฝนตกทั้งวัน จบกัน"

"วิธีแก้คือเราไปซ้ำที่เดิมหลายครั้ง อย่างเขาใหญ่เราไปมา 5-6 รอบ เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ดี ดีแค่พอใช้ได้ด้วยนะ เพราะถ้าใครเคยไปเที่ยวเขาใหญ่จะรู้ว่ามีเครื่องบินผ่านบ่อย แต่เราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน"

"ครั้งแรกที่ไปบันทึกเสียงธรรมชาติเขาใหญ่ เราเดินเข้าไปในป่าลึกประมาณ 1 กิโลเมตร ฟังดูจนมั่นใจว่าไม่มีเสียงรบกวนแน่นอน ปรากฏว่าเราได้ยินเสียงรถ ที่ต้องใส่เกียร์ต่ำเพื่อขับขึ้นเขา และเสียงเครื่องบิน เราฟังจนรู้ว่าเขาใหญ่มีเครื่องบินผ่านทุก 15 นาที"

"อีกสิ่งที่เราค้นพบคือ ถ้าจะอัดเสียง บันทึกตอนเช้าจะดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ชีวิตคึกคักที่สุด อย่างน้อยเป็นช่วงเวลาที่ปลอดเสียงจากมนุษย์ หนหลัง ๆ เราเลยไปตั้งแต่ตี 5 เพื่อติดตั้งเครื่องบันทึกรอไว้"

 

เหมือนคุณหลงใหลในการฟังพอสมควร ผัสสะนี้มีอะไรให้คุณสนใจ

"เราชอบเล่นในธรรมชาติ ตอนเด็กเราโตมาในสวนที่บางกระเจ้า เล่นคนเดียว กิจกรรมที่ชอบคือดูนก เราดูนกมาตั้งแต่ ม.4 - ม.5"

"ก็...ประมาณ 20 กว่าปีมาแล้วนะ (หัวเราะ)"

"ทีนี้ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เราเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ ม.ศิลปากร โฟกัสด้านนกโดยเฉพาะ ซึ่งใครที่ศึกษาเรื่องนก คุณต้องฝึกสกิลการฟัง ฝึกฟังจนเชี่ยวชาญ เพราะเราไม่มีเวลานั่งดูนกตลอด 24 ชั่วโมง เช้าเย็นถึงค่ำมันทำอะไร เราไม่รู้ แต่ถ้าฟังจากเสียงเราพอแกะรอยได้ จนถึงตอนนี้ เราก็ฟังสะสมความรู้มาเรื่อย ๆ พูดอีกแง่หนึ่งคือ เสียงมันสำคัญกับเราในฐานะปัจเจกบุคคล ที่เลือกใช้ชีวิตแบบนี้"

"และสำหรับเราเสียงว่าสำคัญแล้ว แต่เชื่อมั้ย...สำหรับคนตาบอด เสียงสำคัญยิ่งกว่านั้นมาก"

"เพื่อนเราคนหนึ่ง เขาเป็นคนตาบอด สามารถบอกได้เลยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนจากการฟังเสียงสิ่งแวดล้อมรอบตัว เขาบอกว่าเสียงธรรมชาติเหมือนเป็นเพื่อนเขา คอยเยียวยาไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยวมาก"

"ครั้งหนึ่ง เราเคยพาเพื่อนคนนี้ไปเที่ยวเขาใหญ่ เขาก็เดินเกาะแขนเราไป จู่ ๆ เขาก็สะกิดบอกว่าตรงนี้มันเป็นทุ่งหญ้าใช่มั้ย เราก็งงนะว่ารู้ได้ไง เขาบอกได้ยินเสียงจิ้งหรีดเยอะมากเลย เราคนตาดีไม่ได้สังเกต เราแค่เห็นป็นทุ่งหญ้า แต่เขาได้ยินแล้วบอกได้ทันทีว่าถึงทุ่งหญ้าแล้ว"

"เราคิดว่าการฟังมันก็คล้ายกับศาสตร์อื่นนะ ถ้าทำซ้ำเรื่อย ๆ เราจะแยกได้ว่าเสียงร้องแบบนี้เป็นเสียงของอะไร เสียงนกชนิดไหน แยกได้แม้กระทั่งเสียงดีกับเสียงไม่ดี พอเราฟังแต่เสียงดีบ่อยเข้า เราจะไม่อยากฟังเสียงไม่ดี"

 

อะไรคือเสียงไม่ดี

"มองได้หลายมุม เราคิดว่าทุกวันนี้ ชีวิตประจำวันเรามี noise pollution เยอะเกินไป"

"เราเชื่อว่าคนที่มีโอกาสอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เขาก็เลือกที่จะไม่ใส่หูฟัง อยากใช้เวลาไปกับการฟังเสียงนก เสียงน้ำใหล เพราะฟังแล้วรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย แต่เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยเห็นใครพูดถึง noise pollution กันแล้ว ทั้ง ๆ ที่เรายังเจอกับมันอยู่ทุกวัน"

"เราจำได้เคยมีกระแสเกี่ยวกับมลพิษทางเสียงคือตอนที่กรุงเทพฯ มีรถไฟฟ้าใหม่ ๆ คนบ่นกันว่ารถไฟฟ้าเสียงโฆษณาดังมาก ทำงานมาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทำไมต้องฟังดาราขายสินค้าอีก แล้วก็มีคนออกมาเรียกร้อง รถไฟฟ้าเลยยอมลดระดับความดังลง"

"ยุคนี้ต่างออกไป เราไม่บ่นเสียงโฆษณากันแล้ว คนคุยกันเสียงดังก็ไม่มีปัญหา เพราะเราใส่หูฟังกันตลอดเวลา มันแปลกตรงที่ ถ้าเราจะปิดเสียงรอบตัว เพื่อตัดตัวเองออกจากโลกภายนอก ต้องหาอะไรที่ดังกว่ามาใส่หู เพราะเราปิดหูไม่ให้ได้ยินเสียงไม่ได้"

"ไม่ได้หมายว่าเราสนับสนุนให้คนพูดเสียงดังในที่สาธารณะตามอำเภอใจนะ เราคิดว่าพอเราอยู่รวมกันในเมือง ใกล้ชิดกันขนาดนี้ ยิ่งต้องระวังในสิ่งที่เราสร้างไม่ให้ไปรบกวนคนอื่นหรือชีวิตอื่น ถ้าตระหนักได้ เราก็จะอยู่กันดีขึ้น เป็นสังคมที่มันน่าอยู่"

“ถ้าไม่ตั้งใจฟัง เราก็ไม่มีทางรู้ว่ารบกวนอะไรอยู่” คุยกับ วรพจน์ บุญความดี

 

เริ่มบันทึกเสียง.mp3

ที่อ่าวมะนาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสียงคลื่นซ่านเซ็น ลมโกรกให้บรรยากาศผ่อนคลาย

หลังกิจกรรมรับน้องเสร็จสิ้น นักศึกษา ม.ศิลปากรกลุ่มหนึ่งร้องเล่นเต้นระบำกันอย่างสนุกสนาน มะเดี่ยว นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ผละตัวออกจากวง (เหล้า) มานั่งฝากใจไว้กับเสียงน้ำซัดที่ริมหาด

"ตอนนั้นได้ยินเสียงคลื่นซัดเข้ามาดัง ซุ่ม ซุ่ม แล้วก็ ซู่ เงียบออกไป"

"แต่มันมีเสียงกุ๊งกิ๊ง กุ๊งกิ๊ง จนเรารู้ว่า อ๋อ อ่าวมะนาวมีเปลือกหอยเต็มไปหมดเลย เวลาคลื่นดึงออกจะมีเสียง กุ๊ิงกิ๊ง กุ๊งกิ๊ง เบา ๆ"

"เราชอบเสียงนั้นมาก ถัดมาหลายปี กลับไปอีกทีนึงเพื่อจะไปฟังอีก ปรากฏมันไม่มีแล้ว เอ๊ มันหายไปไหน เราเลยรู้สึกว่าเสียงพวกนี้เป็นสิ่งที่ควรบันทึกเก็บไว้ สมัยนั้นใช้เครื่อง MP3 อัดเสียง ก็อัดเก็บมาเรื่อย ๆ"

“ถ้าไม่ตั้งใจฟัง เราก็ไม่มีทางรู้ว่ารบกวนอะไรอยู่” คุยกับ วรพจน์ บุญความดี

 

เสียงใต้น้ำ.mp3

นอกจากบันทึกเสียง ambience ของระบบนิเวศในธรรมชาติแล้ว อีกหนึ่งความสนใจของมะเดี่ยวคือบันทึกเสียงใต้น้ำ

มะเดี่ยวเล่าว่าอาวุธในการบันทึกเสียงใต้น้ำไม่ต่างจากการบันทึกเสียงบนบก มีแค่ 1 ชิ้นที่เพิ่มเข้ามาคือ Hydrophone ไมค์โครโฟนสำหรับการบันทึกใต้น้ำ ส่วนที่ขาดไปไม่ได้เลยคือ sound recorder และหูฟังครอบหู

 

เสียงใต้น้ำมีอะไรให้คุณสนใจ

"มาสลับที่นั่งกัน ลองฟังด้วยตัวเองแล้วจะเข้าใจ” นักบันทึกเสียงลุกปัดกางเกง พลางส่งหูฟังมาให้

เวลาใส่หูฟังครอบหู ผมรู้สึกเหมือนลงไปแหวกว่ายในน้ำ เช่นปลาตัวหนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศใต้น้ำ ใต้น้ำมีเสียงทึม ๆ อื้อ ๆ มีเสียงก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก มีเสียงเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต แต่บอกไม่ได้ว่าคืออะไร หรือตัวอะไร

มะเดี่ยวผละตัวออกไป ปล่อยผมฟังเสียงใต้น้ำอยู่ 5 นาที ฟังอย่างไร้จุดหมาย

เจ้าตัวคงทราบว่าผมได้เยือนอาณาจักรแอตแลนติสครบทุกซองทุกมุมแล้ว จึงเดินกลับมานั่งที่เดิมของตนเอง

"เราคิดว่าใต้น้ำมันเงียบ แต่จริง ๆ มีเสียงเยอะมาก เนี่ยอย่างเสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ คือเสียงของพวกแมลงน้ำ ส่วนเสียง ทิ๊ด ทิ๊ด ทิ๊ด คือเสียงของมวนกรรเชียง คล้ายกับจิ้งหรีดหรือจั๊กจั่น น้ำมีความหนาแน่นสูงกว่าอากาศ ดังนั้น เสียงจะไปได้ไกลกว่า สัตว์ที่อยู่ในน้ำเวลามันคุยกันก็จะใช้เสียงมาก"

"อันนี้ ดังมาก โอ๊ะ มีเสียงปลากริมครับ ปลากริมมันจะร้อง กรอด กรอด กรอด จริง ๆ ปลาหลายชนิดส่งเสียง พวกปลากลุ่ม cat fish ปลามีหนวด หรือปลาหนังทั้งหลายแหล่ ส่งเสียงหมดเลย"

 

ฟังแล้วรู้ไหมมันคุยอะไรกัน

"ไม่รู้หรอก (หัวเราะ)"

"แต่สัตว์น้ำกับสัตว์บกมันก็คล้าย ๆ กัน เวลาจะสื่อสารมันต้องการบอกข้อความแค่ไม่กี่อย่าง เช่น จับคู่ เรียกตัวเมีย ไล่ตัวผู้ออกไป ร้องมากิน หรือร้องเตือนภัย วนอยู่แค่นี้"

“ถ้าไม่ตั้งใจฟัง เราก็ไม่มีทางรู้ว่ารบกวนอะไรอยู่” คุยกับ วรพจน์ บุญความดี

 

นอกจากรู้ว่ามีสัตว์ชนิดใดอยู่ใต้น้ำ ประโยชน์ของการฟังเสียงใต้น้ำคืออะไร

"เราสามารถรู้ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศใต้น้ำแต่ละแห่งได้จากการฟัง"

"แหล่งน้ำธรรมชาติแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน มีความเฉพาะตัวสูง อย่างแหล่งน้ำจืดเราจะได้ยินเสียงแมลงน้ำ ร้อง ที๊ด ที๊ด ที๊ด คล้าย ๆ จิ้งหรีด และถ้าใต้น้ำบริเวณนั้นมีพืชน้ำเราจะได้ยินเสียงแมลงน้ำ แมงมุม หรือจิงโจ้น้ำ"

"ถ้าเป็นทะเลเราจะได้ยินเสียงของกุ้งดีดขัน (Snapping shrimps) กล้ามมันใหญ่มาก มันชอบอยู่ตามพื้นทราย หรือแนวปะการัง เวลาเจอศัตรู และต้องล่าเหยื่อมันจะทำเสียงแบบนี้ (เขาดีดนิ้วสามครั้งเลียนเสียงกุ้งดีดขัน)"

"แต่เรามีข้อสันนิษฐานส่วนตัวเหมือนกันนะ เราเชื่อว่าระบบนิเวศในธรรมชาติไม่ว่าใต้น้ำหรือบนบก ถ้าไม่มีสารเคมีเราจะได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิต"

"เราเคยบันทึกเสียงในนาข้าว เป็นนาที่เกษตรกรใช้ยาฆ่าแมลง เราแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ขณะที่นาที่เป็นออแกนิคนี่ โอ้โห เสียงระงมเลย ดังนั้น เราสันนิษฐานว่าที่นี่ (สวนรถไฟ) น่าจะไม่ได้ใช้ยา"

"อย่างที่บอกไปตอนแรก เราเชื่อว่าแหล่งน้ำแต่ละที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน แต่ยังตอบไม่ได้ชัด ๆ เพราะศาสตร์เรื่องเสียง มันยังไม่ค่อยมีคนทำ จนตอนนี้เราก็แทบจะไม่รู้เลย มีแค่ชาวบ้านที่หาปลาบ่อย ๆ ที่พอบอกได้ว่าเสียงแบบนี้คือปลาชนิดไหน แต่ไม่มีใครบันทึกไว้"

 

แปลว่าวันหนึ่งมันจะหายไป

"ใช่ เรารู้สึกว่าทุกอย่างในโลกมันค่อย ๆ เสื่อมไป เราควรอัดเก็บไว้เป็นหลักฐาน อย่างภาพถ่ายเราเก็บไว้เยอะ แต่เสียงไม่ค่อยมีคนอัดเก็บไว้เท่าไหร่"

"เราคุยกับเพื่อนในกรมประมงก็บอกไม่มีใครทำเรื่องนี้ คุยกับอาจารย์ที่ ม.อุบลฯ ซึ่งแกเลี้ยงปลาไว้มหาศาลเลย แกบอกว่าไม่มีใครทำเรื่องเสียงเลย แต่แกรู้ว่าช่วงฤดูผสมพันธ์ปลามันคุยกันอยู่ในตู้ ร้องตะโกนข้ามตู้กัน แต่ไม่เคยบันทึกไว้"

"ยิ่งเราบันทึกมาเรื่อย ๆ และได้รู้ว่าบ้านเราไม่ค่อยมีใครอัดเสียงธรรมชาติไว้ เราก็ยิ่งรู้ว่ามันเป็นของที่ต้องรีบเก็บไว้ เพราะมันหายไปเร็วมากจริง ๆ"

“ถ้าไม่ตั้งใจฟัง เราก็ไม่มีทางรู้ว่ารบกวนอะไรอยู่” คุยกับ วรพจน์ บุญความดี

 

อยากให้มีแหล่งรวมเสียงธรรมชาติของไทย

"ใช่, เราตั้งใจไว้อย่างนั้น เราอยากให้มี Sound banks หรือฐานข้อมูลเสียงธรรมชาติของไทย อาจจะรวมไปถึงเสียงของวัฒนธรรมด้วยก็ได้"

"ตอนนี้ ต่างประเทศตื่นตัวเรื่องนี้กันมาก ยิ่งเข้าสู่ยุค AI ด้วยแล้ว ที่เมืองนอกมีเครื่องบันทึกที่สามารถเอาไปทิ้งไว้กลางป่าได้ แล้ว AI ก็ส่งข้อมูลกลับมา มันวิเคราะห์ให้หมดเลยว่าพื้นที่ตรงนั้นมีความสมบูรณ์แค่ไหน และเก็บไว้ใน archive จริงจัง เราว่ามันสำคัญ อย่างน้อย ๆ ก็สำหรับงานอนุรักษ์"

"และเราเชื่อว่าบ้านเราก็ทำแบบต่างประเทศได้ เราฉลาดกันขนาดนี้"

"มันต้องได้สิ"

 

เสียงแห่งยุคสมัย.mp3

ทำไมเลือกใช้เสียงสื่อสารเรื่องธรรมชาติ ในยุคที่คนไม่ค่อยเปิดใจรับฟังกัน

"ถ้าเราบอกคนอื่นว่า เห้ย...คุณไปอยู่กับธรรมชาติให้มากกว่านี้สิ คุณต้องมาสนใจสิมันจะหายไปอยู่แล้วนะ เราเชื่อว่าจนเราตายก็ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เราพูด ไม่ใช่ว่าเราไม่น่าเชื่อถือนะ แต่วิธีการสื่อสารแบบนี้มันผิดธรรมชาติมนุษย์"

"และเราเรียกตัวเองว่าเป็นนักธรรมชาติวิทยา เราอยากทำให้คนเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น สิ่งที่เราพอจะทำได้และทำไหวก็คือเรื่องเสียงนี่แหละ เราเดินทางไปบันทึกเสียงธรรมชาติจากหลาย ๆ ที่มาเก็บไว้ เพื่อให้คนเมืองฟัง ซึ่งคนเมืองเอาตัวไปฟังเองทุกวันไม่ได้ แค่ได้กดฟังก็ยังดี หรือใช้เป็น sound theraphy ก็ยังได้"

"หรือถ้ามีคนที่ฟังแล้วรู้สึกอยากได้ยินเสียงดี ๆ แบบนี้ แล้วออกไปฟังด้วยหูตัวเอง เราจะแฮปปี้มาก เรารู้สึกว่าชีวิตในเมืองทำให้เราไกลธรรมชาติ เสียงมันก็เป็นช่องทางหนึ่งให้เรากลับไปหามันได้"

"และเดี๋ยวนี้ คนเริ่มรู้แล้วว่าชีวิตที่ขาดธรรมชาติมันเป็นไปไม่ได้ พ่อแม่ผู้ปกครองพยายามสร้างสร้างดุลให้กับเด็ก ๆ ซึ่งเด็กเจนนี้เกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีเฟื่องฟูมาก ดังนั้น ก็เรียนเรื่องเทคโนโลยีไปด้วย และเข้าใจธรรมชาติไปด้วย"

"โรงเรียนมีหลักสูตรเยอะมากที่ให้เด็กกลับไปสู่ธรรมชาติ เช่น ให้เด็กปลูกข้าว จับแมลง เล่นน้ำคลุกโคลนตามท้องร่อง แนวคิดมันค่อย ๆ เปลี่ยน แต่ไม่ได้บอกว่าเราต้องทิ้งเทคโนโลยี หรือเลิกใช้โทรศัพท์นะ"

"เราอยู่ในโลกทั้งสองใบได้ จัดสรรชีวิตเอา"

 

ในสังคม คนแชร์ทริคการพูดเยอะแล้ว ช่วยแชร์ทริคการฟังหน่อยสิ

"เริ่มที่บ้าน ตื่นเช้ามาชงกาแฟ มาที่ระเบียงบ้านหรือในสวนก็ได้ ตั้งใจฟังสัก 3 นาที เราจะได้ยินเสียง อันดับแรกคุณได้ยินเสียงนกก่อนเลย แล้วจะค่อย ๆ ได้ยินเสียงลมพัด เสียงใบไม้ไหว ถ้าเราทำบ่อย ๆ นานเข้าเราจะได้ยินมากขึ้นและจะได้ยินการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ"

"วันดีคืนดีได้ยินเสียงจั๊กจั่นร้อง อ๋อ...เข้าฤดูร้อนแล้ว เราจะได้ยินความเปลี่ยนแปลงกับหู และเอาตัวเองไปเชื่อมต่อกับธรรมชาติมากขึ้น"

"เราคิดว่าถ้าตั้งใจฟังมากพอ เราจะรู้ว่าสิ่งที่ทำมันรบกวนใครอยู่ไหม แต่ถ้าไม่ได้ยินเลย เราไม่มีทางรู้เลยว่ารบกวนอะไรอยู่"

 

เรื่อง: วงศกร ลอยมา

related