svasdssvasds

เปิดใจ ‘ป้าพรคนเก็บขยะขาย’ ในวันที่คนหันรักษ์โลก รายได้ลด แต่..ขยะไม่ลด

เปิดใจ ‘ป้าพรคนเก็บขยะขาย’ ในวันที่คนหันรักษ์โลก รายได้ลด แต่..ขยะไม่ลด

ปี 2568 ประเทศไทยมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนเกิดขึ้นกว่า 28–29 ล้านตันต่อปี เปิดใจ ‘ป้าพรคนเก็บขยะขาย’ ในวันที่คนหันรักษ์โลก

SHORT CUT

  • ปี 2568 ประเทศไทยมีขยะเกิดขึ้นรวมประมาณ 28–29 ล้านตันต่อปี หรือเฉลี่ยคนไทยทิ้งขยะวันละ 1.1-1.2 กิโลกรัมต่อคน
  • ขยะอินทรีย์ โดยเฉพาะเศษอาหารและพืชผัก คิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดกว่า 50% รองลงมาคือขยะรีไซเคิล เช่น พลาสติก แก้ว และกระดาษ ประมาณ 30%
  • วันนี้จะพามาเปิดใจ ‘ป้าพรคนเก็บขยะขาย’ ในวันที่คนหันรักษ์โลก รายได้ลด แต่..ขยะไม่ลด

ปี 2568 ประเทศไทยมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนเกิดขึ้นกว่า 28–29 ล้านตันต่อปี เปิดใจ ‘ป้าพรคนเก็บขยะขาย’ ในวันที่คนหันรักษ์โลก

ปัญหาขยะยังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ข้อมูลจาก กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานสถานการณ์ขยะมูลฝอยชุมชนปี 2568 พบว่า ประเทศไทยมีขยะเกิดขึ้นรวมประมาณ 28–29 ล้านตันต่อปี หรือเฉลี่ยคนไทยทิ้งขยะวันละ 1.1-1.2 กิโลกรัมต่อคน แม้ว่าจะสามารถเก็บรวบรวมได้มากกว่า 90% แต่มีเพียง 40–45% เท่านั้นที่ถูกกำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ส่วนที่เหลือกว่าครึ่งยังถูกทิ้งหรือกำจัดไม่เหมาะสม เช่น เผากลางแจ้ง กองกลางแจ้ง และฝังกลบไม่ได้มาตรฐาน สร้างปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมตามมา

ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า ขยะอินทรีย์ โดยเฉพาะเศษอาหารและพืชผัก คิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดกว่า 50% รองลงมาคือขยะรีไซเคิล เช่น พลาสติก แก้ว และกระดาษ ประมาณ 30% ขณะที่ขยะอันตรายและขยะทั่วไปมีสัดส่วนรวมราว 15–20% ซึ่งหากไม่มีการคัดแยกตั้งแต่ต้นทาง จะยิ่งทำให้การจัดการปลายทางเป็นภาระหนักขึ้น

เปิดใจ ‘ป้าพรคนเก็บขยะขาย’ ในวันที่คนหันรักษ์โลก รายได้ลด แต่..ขยะไม่ลด

อย่างไรก็ตาม คพ. เดินหน้ามาตรการลดและคัดแยกขยะ โดยผลักดันการนำเศษอาหารไปทำปุ๋ยและพลังงาน ส่งเสริมความรับผิดชอบของผู้ผลิตตามหลัก Extended Producer Responsibility (EPR) และเดินหน้ารณรงค์ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง ตามโรดแมปลดพลาสติกของประเทศ พร้อมเพิ่มศักยภาพโรงไฟฟ้าขยะและระบบรีไซเคิล เพื่อมุ่งสู่การจัดการขยะอย่างยั่งยืนในอนาคต

จากปัญหาขยะที่กล่าวมาเบื้องต้น วันนี้ #SPRiNG จะพามาจับเข่าคุยกับ ‘ป้าพร’ คนเก็บขยะขาย ย่านบางนา โดยเขาเล่าว่า ปัจจุบันคนหันมาเก็บขยะขายเป็นอาชีพเสริมมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่…ราคาขยะกับตกต่ำ หรือพูดง่ายๆคือราคารับซื้อดิ่งเหว สวนทางกับความเหนื่อยยาก ทั้งนี้เขาต้องเผชิญกับราคารับซื้อขยะรีไซเคิลที่ตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะขวดพลาสติกที่เคยเป็นแหล่งรายได้หลัก จากในอดีตที่เคยมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 14-15 บาท ปัจจุบันกลับเหลือเพียงกิโลกรัมละ 4 บาทเท่านั้น

การลดลงอย่างรุนแรงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะขยะประเภทเดียว แต่เกิดขึ้นกับขยะรีไซเคิลแทบทุกชนิด โดยเหตุผลที่ร้านรับซื้อของเก่าให้ราคาไม่ดีเนื่องจากโรงงานหรือหน่วยรับซื้อขนาดใหญ่ที่รับของต่อไปอีกทอดหนึ่งได้ปรับลดราคาลง ทำให้ร้านค้าย่อยจำเป็นต้องกดราคาที่รับซื้อจากคนเก็บขยะตามไปด้วย สถานการณ์นี้ทำให้แม้จะทำงานหนักเท่าเดิม แต่รายได้กลับลดลงอย่างมากการแข่งขันสูง-ขยะที่ตลาดต้องการหายากจากคนเก็บที่เพิ่มขึ้น แถมขยะจากองค์กรต่างๆถูกแยกและนำไปขายเอง เรื่องราวดังกล่าวจึงเป็นปัญหาซ้ำเติมชีวิต

ปัญหาราคาตกต่ำแล้วการแข่งขันที่สูงขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การประกอบอาชีพนี้ยากลำบากกว่าเดิม ปัจจุบันมีคนหันมาเก็บขยะขายเป็นอาชีพและอาชีพเสริมมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ร้านค้าหรือแม้กระทั่งแม่บ้านตามอาคารต่างก็เริ่มเก็บขยะรีไซเคิลไว้ขายเองไม่ปล่อยทิ้งเหมือนในอดีต

 

อย่างไรก็ตามจากปรากฏการณ์ที่คนเก็บเยอะทำให้ปริมาณขยะที่สามารถหาเก็บได้ตามที่สาธารณะลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจนบางครั้งนำไปสู่ความขัดแย้งและการกระทบกระทั่งกันระหว่างคนเก็บขยะด้วยกันเอง เพื่อแย่งชิงขยะ ส่วนเรื่องการรณรงค์ลดใช้พลาสติก หรือการรณรงค์ห้ามใช้ขวดน้ำหรือบรรจุภัณฑ์พลาสติกเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ จะเห็นได้ว่าห้างสรรพสินค้าหรือในชีวิตประจำวัน ผู้คนยังคงบริโภคสินค้าที่มาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์พลาสติกเป็นจำนวนมาก

เธอยังเสนอแนะด้วยว่า การแก้ปัญหาควรเริ่มต้นที่ต้นตอ คือโรงงานผู้ผลิต แทนที่จะมาควบคุมร้านค้าหรือผู้บริโภคปลายทาง การสั่งห้ามร้านค้าไม่ให้ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกนั้นไม่สามารถทำได้จริง ตราบใดที่โรงงานยังคงผลิตสินค้าเหล่านี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง

เธอทิ้งท้ายว่า แม้ว่าอาชีพเก็บขยะจะไม่มีต้นทุนด้านการเงิน แต่ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยยากทั้งแรงกายและแรงใจ การแข่งขันที่สูงขึ้น ของที่หายากขึ้น และราคาที่ตกต่ำ ทำให้การยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลักเพื่อเลี้ยงปากท้องกลายเป็นเรื่องที่เหนื่อยแทบขาดใจ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงความเปราะบางของกลุ่มคนที่อยู่ปลายสุดของวงจรเศรษฐกิจรีไซเคิลแต่กลับมีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related