
หลายหน่วยงานในกทม.ร่วมด้วยช่วยกันผนึกกำลังสู้ ฝุ่น PM 2.5 ผุดโครงการ “ร่วมทาง ร่วมใจ ลดฝุ่น PM 2.5” มั่นใจปีนี้ฝุ่นลด 20%
กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก ผนึกกำลัง!! กทม. พร้อมหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝุ่น PM 2.5 กับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนกับโครงการ “ร่วมทาง ร่วมใจ ลดฝุ่น PM 2.5” เน้นย้ำ!! ผู้ประกอบการต้องตรวจสภาพความพร้อมของรถอยู่เสมอ หากพบมีค่าควันดำเกินที่กฎหมายกำหนดเปรียบเทียบปรับสูงสุด และพ่น “ห้ามใช้”
อาคารศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการขนส่งทางถนน กรมการขนส่งทางบก นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธานเปิดกิจกรรม โครงการ “ร่วมทาง ร่วมใจ ลดฝุ่น PM 2.5” โดยมี รศ. ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ธนภัทร แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดร.ทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสาร และรถบรรทุก เข้าร่วมงาน
โดยคณะผู้บริหารหน่วยงานได้ตรวจแถวบูรณาการการปฏิบัติงานตรวจควันดำ เยี่ยมชมการดำเนินงานของกองตรวจการขนส่งทางบก และศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 รวมถึงชมการสาธิตการตรวจวัดควันดำ และพ่น “ห้ามใช้” อีกทั้งได้เยี่ยมชมจุดบูรณาการ การตรวจควันดำ ของกรมการขนส่งทางบก กองบังคับการตำรวจจราจร
กรมควบคุมมลพิษ กรุงเทพมหานคร และจุดบริการการให้ข้อมูลการบำรุงรักษารถ ของภาคีเครือข่าย (สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ Autobacs บริเวณหน้าด้านอาคารศูนย์นวัตกรรมฯกระทรวงคมนาคม ภายใต้การนำของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดฯ โดยเฉพาะหน่วยงานที่กำกับ ดูแล ระบบการขนส่งทางถนน ให้เตรียมพร้อมรับมือและบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในภาคคมนาคมขนส่งให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งในส่วนของ
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกต่างๆ การสนับสนุนการใช้ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพพลังงาน ส่งเสริมการขนส่งสาธารณะและลดปริมาณการเดินทางในพื้นที่เขตเมือง การส่งเสริมระบบการบริหารจัดการการขนส่งสินค้า และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก ได้พัฒนาระบบการขนส่งทางถนนให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “3E1C” ได้แก่ 1) Engineering มุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานทางเทคนิคของยานยนต์ 2) Enforcement ควบคุม กำกับ ติดตามและบังคับใช้กฎหมาย 3) Education พัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการขนส่งทางถนนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ประชาชน 4) Collaboration บูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน พร้อมทั้งได้เพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้ จัดชุดเฉพาะกิจให้คำแนะนำการบำรุงรักษารถ ณ สถานประกอบการ อบรมพนักงานขับรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งทางด้านการขับขี่ปลอดภัย ประหยัด เพื่อลดการปล่อยมลพิษให้น้อยที่สุด นอกจากนี้
กรมฯ ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการร่วมบำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ตลอดการใช้งาน และให้มีการเปลี่ยนถ่ายไส้กรอง ของเหลว และลงทะเบียนในระบบ Green List เพื่อเข้าสู่เขตควบคุมมลพิษต่ำ (Low Emission Zone) ตามประกาศของกรุงเทพมหานครออกตรวจเพื่อควบคุม กำกับ ดูแลการดำเนินงานของสถานตรวจสภาพรถเอกชนตรวจวัดควันดำรถที่มาดำเนินการทุกประเภท เช่น โอน ย้าย เปลี่ยนสี ณ สำนักงานขนส่ง เพิ่มความถี่ในการออกตรวจควันดำริมทาง, อู่รถ ขสมก., บขส. ทุกเขตการเดินรถ และสถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่ง เพิ่มความถี่ในการปฏิบัติงานออกตรวจวัดควันดำของรถบนถนนสายหลัก และสายรอง ทั้งนี้ หากตรวจพบมีค่าควันดำเกินร้อยละ 20 จะถูกเปรียบเทียบปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จนกว่าเจ้าของรถจะนำรถไปแก้ไขสภาพเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดำเกินกำหนด และนำมาตรวจสภาพอีกครั้งจนผ่านการตรวจวัดจึงจะนำไปใช้งานได้
โดยปีนี้ กรมการขนส่งทางบก มอบของขวัญปีใหม่พิเศษให้กับประชาชน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมกาการอาชีวศึกษา ให้บริการตรวจสภาพและการบำรุงรักษารถ การเปลี่ยนถ่ายไส้กรองของเหลว ณ จุดบริการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ในส่วนของภาคเอกชนได้รับความร่วมมือกับ Autobacs มอบส่วนลดพิเศษ ตรวจเช็คสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ ที่ Autobacs ทุกสาขาทั่วประเทศ และยังได้รับความร่วมมือจาก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ชวนตรวจเช็ครถฟรี 35 รายการ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชน และคุณภาพอากาศของประเทศให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน
ด้าน รศ. ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศให้กรุงเทพมหานครเป็นเขตควบคุมมลพิษในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ได้ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ “Green List Plus โปรสู้ฝุ่น ลด PM 2.5” ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ อาทิ กระทรวงพลังงาน กรมการขนส่งทางบก กองบังคับการตำรวจจราจร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และภาคเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการระบายฝุ่น PM 2.5 จากภาคการขนส่ง ด้วยการเชิญชวนประชาชนให้นำรถยนต์ขนาดเล็กเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ เปลี่ยนถ่ายนำมันเครื่อง
และไส้กรองอากาศ ซึ่งจะสามารถลดการเกิดมลพิษและฝุ่นควันในไอเสียรถยนต์ได้อย่างมาก เพราะจากการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ จะสามารถลดควันดำได้มากกว่า 50% จึงส่งผลต่อเนื่องให้ฝุ่นในบรรยากาศลดลงได้เช่นกัน และในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และค่ายรถยนต์ และให้การสนับสนุนจัดโปรโมชั่นต่อที่ 1 ให้ส่วนลดราคาค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพเครื่องยนต์ฟรีกว่า 55 รายการ และให้ส่วนลดราคาค่าน้ำมันเครื่อง ค่าอะไหล่ และค่าแรงสูงถึง 50% สำหรับรถยนต์ที่เข้ารับบริการกับศูนย์บริการรถยนต์ 9 แบรนด์ ได้แก่ อีซูซุ มิตซูบิชิ นิสสัน โตโยต้า ฮอนด้า มาสด้า ฮีโน่ ฟอร์ด และซูซูกิ ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ จำนวน 1,745 ศูนย์บริการ หรือศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องของผู้ค้าน้ำมัน 5 แห่ง ได้แก่ ปตท. บางจาก เชลล์ พีที และโมบิล รวมถึงศูนย์บริการบีควิก ที่เข้าร่วมโครงการ Green List Plus “โปรสู้ฝุ่น PM 2.5” และลงทะเบียนบัญชีสีเขียวหรือ Green List Plus กับกรุงเทพมหานคร จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมต่อที่ 2 จากเครือข่ายเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ
อาทิ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน), บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท แอดวานส์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ในการให้สิทธิการจอดรถยนต์ฟรีเพิ่มเติมในห้างเซ็นทรัล The mall และโลตัส ได้รับบัตรกำนัลค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS และส่วนลดราคาสำหรับการซื้อพรบ.รถยนต์หรือประกันภัยรถยนต์ผ่าน AIS ทั้งนี้ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนดจะช่วยลดการเกิดฝุ่นละอองได้ จึงขอเชิญชวนประชาชนนำรถยนต์เข้ามารับการบริการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ดังสโลแกนที่ว่า “ตรวจสภาพรถกันสักนิดลดมลพิษฝุ่นได้ มั่นใจแผนงานทั้งหมดจะช่วยลดฝุ่น PM2.5 ลงได้ 20%
ดร.ธนภัทร แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาพร้อมจัดนักเรียน นักศึกษาปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกให้บริการประชาชนและผู้ประกอบการนำรถเข้ารับบริการเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ณ ศูนย์อาชีวะอาสา ร่วมด้วยช่วยประชาชน (Fix it Center) ทั่วประเทศ โดยจุดบริการดังกล่าวจะให้บริการปรึกษาด้านการบำรุงรักษารถ เปลี่ยนไส้กรอง และถ่ายของเหลว ซึ่งความร่วมมือกันระหว่างกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นการแสดงเจตจำนงค์ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมและพัฒนาทักษะนักเรียน/นักศึกษา ให้นำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคม มีจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่น และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ด้านดร.ทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย พร้อมร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ในการรณรงค์อากาศสะอาด แก้ไขปัญหา PM 2.5 ในทุกรูปแบบโดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเราเป็นภาคีเครือข่ายให้ความร่วมมือเพื่อป้องกันและลดมลพิษในเขตเมืองโครงการ Green List หรือสติกเกอร์เขียว สำหรับรถบรรทุกขนาดเล็กที่จะต้องเข้าไปในเขตเมืองเพื่อขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับร้านสะดวกซื้อต่างๆ โดยผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางถนน ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ความสำเร็จของอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ต้องอาศัยความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการช่วยกันพัฒนาอุตสาหกรรมภาคการขนส่งของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกซึ่งการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ถือเป็นวาระสำคัญที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญและพร้อมร่วมมือ
ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ซึ่งมีภาคีเครือข่ายสมาคมและผู้ประกอบการหลายราย จะร่วมประชาสัมพันธ์ เสริมสร้างองค์ความรู้ รวมถึงสร้างความร่วมมือในการบำรุงดูแลรักษารถแก่สมาชิก ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ตลอดการใช้งาน อาทิ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศตามกำหนดเวลา ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์เป็นประจำ ปรับตั้งหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ฉีดน้ำมันได้เป็นฝอยละอองละเอียด ทำความสะอาดระบบน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น