svasdssvasds

"ฝุ่น PM2.5" แย่กว่าการสูบบุหรี่! คนไทยต้องทนสูดฝุ่นเกินมาตรฐานถึง 4 เดือน

"ฝุ่น PM2.5" แย่กว่าการสูบบุหรี่! คนไทยต้องทนสูดฝุ่นเกินมาตรฐานถึง 4 เดือน

หมดสิทธิ์ "ลุ้น" อากาศสะอาด? GISTDA ถอดสถิติปี 2567 คนไทยอยู่กับฝุ่น PM2.5 นานกว่า 1ใน3ของปี และกว่า 1 เดือน "ปอดของเราไม่เคยได้พักหายใจ" จากวิกฤตฝุ่นเลย

SHORT CUT

  • ข้อมูลวิจัยเปรียบเทียบว่าการสูดฝุ่น PM2.5 ที่ความเข้มข้น 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 1 มวน
  • ข้อมูลจาก GISTDA ปี 2567 ระบุว่า 25 จังหวัดทั่วประเทศ มีจำนวนวันที่ฝุ่นเกินค่ามาตรฐานรวมกันนานกว่า 4 เดือน
  • พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ "ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน" โดยช่วงวิกฤตที่สุดคือเดือน "มกราคมถึงเมษายน"

หมดสิทธิ์ "ลุ้น" อากาศสะอาด? GISTDA ถอดสถิติปี 2567 คนไทยอยู่กับฝุ่น PM2.5 นานกว่า 1ใน3ของปี และกว่า 1 เดือน "ปอดของเราไม่เคยได้พักหายใจ" จากวิกฤตฝุ่นเลย

ปลายปีถึงต้นปีใหม่ นี่คือช่วงเวลาที่เราทุกคนรู้ดีว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับ "ฝุ่น PM2.5" อีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การนั่งรอมาตรการรับมือแบบ "ขายผ้าเอาหน้ารอด" หรือรอให้พายุพัดผ่านไปคงไม่พออีกต่อไป เพราะมันคือ "ความเสี่ยงสุขภาพ" ที่สะสมและทำลายปอดเราทุกวัน

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA เปิดข้อมูลเชิงลึกของปี 2567 เพื่อเปลี่ยนจากความกังวลมาเป็น "การเตรียมพร้อมเชิงรุก" ก่อนฤดูฝุ่นครั้งใหม่จะมาถึง มาดูกันว่า ปีที่ผ่านมาปอดคนไทยรับมือหนักขนาดไหน

ปี 2567 คนไทยเจอฝุ่นเกินมาตรฐานนานแค่ไหน?

ข้อมูลจาก GISTDA ตอกย้ำถึงความรุนแรงของปัญหาในปีที่ผ่านมา พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด คือ "ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน" บางจังหวัดมีวันที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานสูงถึง กว่า 112 วันต่อปี เท่ากับว่าเราต้อง "อยู่กับฝุ่น" ตลอดหนึ่งในสามของปี ซึ่งเกินกว่าที่เราคิด

  • 25 จังหวัด ทั่วประเทศ มีจำนวนวันที่ฝุ่นเกินมาตรฐานรวมกัน มากกว่า 4 เดือน
  • 28 จังหวัด ต้องเผชิญ PM2.5 เกินมาตรฐานรวมกัน มากกว่า 3 เดือน

ข้อมูล สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA

ปอดคนไทย สูด PM2.5 ติดต่อกัน “ไม่ต่ำกว่า 1 เดือน”

การเจอฝุ่นนานๆ ไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวนวันรวม แต่คือการสูดอากาศที่ไม่ปลอดภัย "ต่อเนื่องยาวนาน" ข้อมูลเชิงพื้นที่บ่งชี้ชัดเจนว่า

  • ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน หลายพื้นที่ต้องสูดอากาศเกินมาตรฐาน ต่อเนื่องนานกว่า 1 เดือน โดยมีพื้นที่ที่เจอต่อเนื่องสูงสุดกว่า 44 วัน
  • ในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ก็ยังพบค่าฝุ่นเกินมาตรฐานต่อเนื่องมากกว่า 10 วัน เช่นกัน

นี่คือตัวเลขที่สะท้อนว่า "ปอดของเราไม่เคยได้พักหายใจ" จากวิกฤตฝุ่นเลย

ข้อมูล สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA

ไทม์ไลน์เตือนภัย PM2.5 ช่วงไหนต้องระวังเป็นพิเศษ

จากการวิเคราะห์ช่วงเวลาที่มีค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงในปี 2567 เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนรับมือปี 2568 พบว่า

  • สัญญาณเตือนภัย คือ "ช่วงธันวาคม" เพราะเป็นช่วงที่เริ่มพบค่าฝุ่นสูงในภาคกลางและภาคตะวันออก
  • ช่วงวิกฤตหนัก คือ "มกราคม – เมษายน" เป็นช่วงที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบหนัก
  • ช่วงพีคยาวนาน คือ "กุมภาพันธ์ – เมษายน" ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเจอฝุ่นต่อเนื่องยาวนานที่สุด ต่อเนื่องกว่า 3 เดือน

การที่เราย้อนดูข้อมูลในอดีตไม่ใช่แค่การบ่นถึงปัญหา แต่คือการใช้ "ข้อมูลเชิงภูมิสารสนเทศ" เพื่อเข้าใจพื้นที่เสี่ยง วางแผนรับมือ เตรียมอุปกรณ์สำหรับป้องกันสุขภาพของตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้อย่างแม่นยำ

ข้อมูล สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA

สูดฝุ่น PM2.5 = สูบบุหรี่

งานวิจัยของ Richard A. Muller จากสถาบันวิจัยสภาพอากาศ Berkeley Earth แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ คำนวณเปรียบเทียบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศหรือ PM 2.5 กับปริมาณการสูบบุหรี่ พบว่า ค่าฝุ่น PM2.5 ที่วัดได้ 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เทียบได้กับการสูบบุหรี่ 1 มวน หากเราอยู่กลางแจ้งทั้งวันและไม่มีการป้องกันใดๆ จะเท่ากับเราสูบบุหรี่ 1-2 ตัว เลยทีเดียว

ถ้าข้อมูลปี 2567 บอกเราว่า PM2.5 จะอยู่กับเรา 1 ใน 3 ของปี... เราจะทำอะไรกับอีก 2 ใน 3 ที่เหลือ?

ปี 2568 ฤดูฝุ่นกลับมาแล้ว คุณมีแผนรับมือ PM2.5 แล้วหรือยัง? นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของภาครัฐ หรือภาคอุตสาหกรรมอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ "อากาศสะอาด” อากาศที่เราต้องหายใจเข้าไป อย่าลืมสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยด้วยตัวคุณเอง

related