svasdssvasds

เมืองโตเกียว ปรับแผนรับมือน้ำท่วมใหม่ เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี

เมืองโตเกียว ปรับแผนรับมือน้ำท่วมใหม่ เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี

กรุงโตเกียวปรับแผนรับมือน้ำท่วมครั้งใหญ่ ในรอบ 17 ปี หลังเจอสภาพอากาศรุนแรงขึ้น น้ำท่วมหนักโซนใต้ดินที่มีประชากรอาศัยอยู่

กรุงโตเกียวกับกรุงเทพมหานครเจอปัญหาเดียวกันนั่นคือ น้ำท่วม แม้เราอาจเคยได้เห็นภาพหรือวิดีโอที่โตเกียวน้ำท่วม แล้วน้ำไหลท่วมในสถานีรถไฟ แต่คนกลับแซวว่า “โตเกียวน้ำใสมาก” ส่วนสีน้ำของกรุงเทพฯ คงไม่ต้องพูดถึง

ประเด็นก็คือว่าแม้เรามองโตเกียวแล้วชื่นชม น้ำใส ระบายเร็ว แต่เมื่อน้ำยังท่วมอยู่ก็ถือว่าบกพร่องในการจัดการอยู่ดี ล่าสุด เมืองโตเกียวได้ปรับปรุงแผนรับมือน้ำท่วมใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี โดยปรับให้มีวิธีรับมือที่หลากหลายขึ้น และนำ AI เข้ามาช่วยด้วย

มาตรการใหม่นี้จะโฟกัสไปที่พื้นที่ใต้ดินที่มีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วม เช่น รถไฟใต้ดิน ห้างสรรพสินค้า หอพัก และอาคารทุกประเภทที่ตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน ซึ่งที่ผ่านมาต้องเจอกับปัญหาน้ำท่วมไม่จบสิ้น

แล้วที่บอกว่าจะเอาเทคโนโลยีมาใช้ ใช้ยังไง ทางเมืองโตเกียวจะใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในการประเมิณความเสียหายในอดีต สภาพอากาศ ข้อมูลภูมิประเทศ เพื่อหาความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม พร้อมทั้งนำเสนอเส้นทางหลีกเลี่ยงให้

แบบนี้น้ำก็ยังท่วมเหมือนเดิมสิ มันเรียกแก้ไขตรงไหน นอกจากที่กล่าวไปแล้ว เมืองโตเกียววางแผนติดตั้งระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ใต้ดินด้วย ส่วนอื่น ๆ ก็คือกำหนดหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่แต่ละแต่ละแผนกทราบชัด ๆ ว่าเมื่อเกิดน้ำท่วม แต่ละคนต้องทำอะไร (action plan)

เมื่อพื้นที่แนวระนาบแน่นไปด้วยตึกราม ห้างสรรพสินค้า บ้านและที่อยู่อาศัยจึงต้องไปสร้างในชั้นใต้ดิน นี่เป็นเรื่องปกติที่เมืองใหญ่ต้องเจอ เมื่อพลิกไปดูข้อมูลแล้ว กรุงโตเกียวมีพื้นที่ใต้ดินประมาณ 72,000 แห่งในเมือง

โดยเกือบครึ่งหนึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้าและอาคารต่างๆ ในจำนวนนี้ 8 แห่งเป็นถนนใต้ดินขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่รวม 213,000 ตารางเมตร ศูนย์การค้าใต้ดินขนาดใหญ่ ได้แก่ ศูนย์การค้ายาเอจิกะ ที่สถานีโตเกียว และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 4 แห่งที่สถานีชินจูกุ

การแก้ไขนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์สภาพอากาศผิดปกติทั่วกรุงโตเกียวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่น ฝนตกหนักในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 ทำให้สถานีรถไฟใต้ดินหลักหลายแห่ง รวมถึงสถานีอาซาบุ-จูบัน และสถานีอิจิกายะ ถูกน้ำท่วม

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักเช่นนี้จะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักมากกว่า 50 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงจะเพิ่มขึ้นในภูมิภาคคันโต และแม้ว่าพายุไต้ฝุ่นคาดว่าจะลดลง แต่ความรุนแรงของพายุแต่ละลูกจะสูงขึ้น ส่งผลให้มีฝนตกมากขึ้น

กล่าวโดยสรุปคือโตเกียวเจอปัญหาน้ำท่วมเพราะการขยายตัวของเมืองที่รวดเร็ว และไม่มีแผนรับมือน้ำท่วมที่ครอบคลุม การปรับแผนครั้งนี้จึงน่าจับตาว่าจะรับมือได้ดีแค่ไหน ส่วนของกรุงเทพฯ นั้นต่างออกไป เมืองหลวงแห่งนี้คือแอ่งรับน้ำ น้ำจะไหลมาลงในกทม.หมด และยังมีอีกหลายเหตุผล เช่น ขยะอุดตัน เมืองขยาย และปัญหาจุกจิกอื่น ๆ อีกมากมาย

 

ที่มา: Japantimes

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related