SHORT CUT
ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เปิด “สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิลในชุมชน” ต่อยอดโครงการ “ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่” ผนึกกำลังภาครัฐและเอกชน ขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน
ทุกวันนี้ปัญหาขยะยังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ข้อมูลจาก กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานสถานการณ์ขยะมูลฝอยชุมชน ปี 2568 พบว่า ประเทศไทยมีขยะเกิดขึ้นรวมประมาณ 28–29 ล้านตันต่อปี หรือเฉลี่ยคนไทยทิ้งขยะวันละ 1.1-1.2 กิโลกรัมต่อคน แม้ว่าจะสามารถเก็บรวบรวมได้มากกว่า 90% แต่มีเพียง 40–45% เท่านั้นที่ถูกกำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ส่วนที่เหลือกว่าครึ่งยังถูกทิ้งหรือกำจัดไม่เหมาะสม เช่น เผากลางแจ้ง กองกลางแจ้ง และฝังกลบไม่ได้มาตรฐาน สร้างปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมตามมา
จากการสำรวจ พบว่า ขยะอินทรีย์ โดยเฉพาะเศษอาหารและพืชผัก คิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดกว่า 50% รองลงมาคือขยะรีไซเคิล เช่น พลาสติก แก้ว และกระดาษ ประมาณ 30% ขณะที่ขยะอันตรายและขยะทั่วไปมีสัดส่วนรวมราว 15–20% ซึ่งหากไม่มีการคัดแยกตั้งแต่ต้นทาง จะยิ่งทำให้การจัดการปลายทางเป็นภาระหนักขึ้น
ปัญหาขยะที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้ตราสินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ได้ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ต่อยอดโครงการ “ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่” ด้วยการเปิด “สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย” ในพื้นที่ตำบล มาบยางพร จังหวัดระยอง มุ่ง “ลด” ปริมาณขยะที่จะไปสู่หลุมฝังกลบ “เพิ่ม” ปริมาณและคุณภาพของขยะรีไซเคิลให้กลับเข้าสู่ระบบ โดยเฉพาะขวดพลาสติก PET ใส ไม่มีสี และ “สร้าง” รายได้จากการคัดแยกและซื้อขายขยะหมุนเวียนในชุมชน พร้อมปลูกฝังพฤติกรรมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางแก่เยาวชนในพื้นที่ เพื่อผลักดันให้เกิดการจัดการขยะรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
นายยศยุต สหวัชรินทร์ รองประธานบริหารอาวุโสฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย มุ่งมั่นยกระดับการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่า บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วไม่ใช่ขยะ แต่คือวัตถุดิบที่มีมูลค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งขวดพลาสติก PET ใส ไม่มีสี ซึ่งสามารถนำกลับมารีไซเคิลและผลิตเป็นขวดใหม่ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ หรือที่เรียกว่า ‘Bottle-to-Bottle Recycling’ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขับเคลื่อนแนวคิดนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน
โดยเป็นรายแรกในตลาดเครื่องดื่มไทยที่เริ่มใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% (ขวด rPET 100%) และขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิตไปสู่การจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการ ‘ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่’ และในวันนี้ เราได้ต่อยอดแนวคิดนี้สู่ระดับชุมชน ด้วยการเปิด ‘สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล’ ที่ตำบลมาบยางพร จังหวัดระยอง เพื่อส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วและขยะรีไซเคิลอื่น ๆ อย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างรายได้หมุนเวียนให้คนในพื้นที่ไปพร้อมกัน ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมองค์กร ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’ (Growing for Good) โดยให้ความสำคัญกับผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการเติบโตทางธุรกิจ และเราหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมอย่างแท้จริง
นายอภิชาติ เงินท้วม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร กล่าวว่า อบต.มาบยางพร ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่มาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการจัดการขยะ ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่เราดูแลอย่างครอบคลุม ทั้งการเก็บรวบรวม การกำจัด และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ที่ผ่านมา เราทำหลายโครงการ เช่น ธนาคารขยะ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง และในวันนี้เราต่อยอดอีกขั้น ด้วยการร่วมมือกับภาคเอกชนอย่าง ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จัดตั้ง ‘สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล’ ขึ้นในตำบลมาบยางพรของเรา โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะในพื้นที่ แต่ยังสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ผ่านการปลูกฝังแนวคิดว่าขยะมีมูลค่า และการคัดแยกที่ถูกต้องจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงลดภาระการจัดการขยะของภาครัฐได้อย่างแท้จริง เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเริ่มต้นจากการมีส่วนร่วมของทุกคน และ อบต.มาบยางพรพร้อมสนับสนุนเต็มที่ เพื่อให้ตำบลของเราน่าอยู่ และเติบโตไปพร้อมกับสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
ด้าน นางสาววิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย รองประธานบริหารฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการดำเนินงานด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนว่า “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เริ่มดำเนินโครงการ ‘ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่’ ตั้งแต่ปี 2566 โดยในปีแรก เราเริ่มต้นในรูปแบบกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) และค่อย ๆ พัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างให้เป็นโครงการที่มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ปีนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน
โดยเราเลือกตำบลมาบยางพร จังหวัดระยอง เป็นพื้นที่นำร่อง เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้โรงงานผลิตเครื่องดื่มของเรา และเป็นพื้นที่ที่มีองค์ประกอบครบถ้วนในห่วงโซ่บรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้บริโภค ผู้คัดแยก ไปจนถึงโรงงานรีไซเคิล เราจึงร่วมมือกับ อบต.มาบยางพร จัดตั้ง ‘สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย’ ขึ้น พร้อมขับเคลื่อนผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่
●การซื้อขายขยะรีไซเคิล รับซื้อขยะหลากหลายประเภท เช่น ขวดพลาสติก PET ขวดแก้ว กระป๋องอะลูมิเนียม กล่องกระดาษ และน้ำมันพืชใช้แล้ว พร้อมทั้งพัฒนาตัวแทนชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสถานีฯ
●การให้ความรู้ ถ่ายทอดเทคนิคการคัดแยกขยะเพื่อเพิ่มมูลค่าแก่คนในชุมชน และจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปให้นักเรียนในพื้นที่กว่า 200 คน เพื่อปลูกฝังแนวคิดเรื่องการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง
●การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้และกระตุ้นการมีส่วนร่วมจากคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
เรามั่นใจว่า การเรียนรู้และพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัทฯ กับตัวแทนชุมชน จะนำไปสู่การบริหารจัดการสถานีซื้อขายขยะรีไซเคิลที่ดำเนินงานโดยชุมชนเองได้อย่างเต็มรูปแบบในระยะยาว ซึ่งจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตามค่านิยม ‘Giving Back to Society’ หรือ ‘การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม’ ของบริษัทฯ อย่างแท้จริง
นอกจากความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐแล้ว ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ยังได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากสองพันธมิตรสำคัญ ได้แก่ GC YOUเทิร์น และ The Geen ซึ่งต่างมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและมีเป้าหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความยั่งยืน โดย GC YOUเทิร์น แพลตฟอร์มบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร จะเข้ามาสนับสนุนการเข้ารับวัสดุรีไซเคิลที่สถานีซื้อขายขยะ และจะจัดส่งต่อวัสดุรีไซเคิลให้เข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ The Geen มีบทบาทสำคัญในการช่วยวางรากฐานและร่วมออกแบบโครงการฯ ตั้งแต่การลงพื้นที่เก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อเข้าใจบริบทของชุมชน การทดลองดำเนินกิจกรรมซื้อขายขยะ การพัฒนาศักยภาพตัวแทนชุมชน ไปจนถึงการจัดเวิร์กช็อปให้กับนักเรียน โดยใช้ทั้งความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และความตั้งใจจริงในการบริหารจัดการขยะอย่างเป็นระบบ ความร่วมมือจากทั้งสองพันธมิตร ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แต่ยังเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ทำให้ “สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย” สามารถขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตามโครงการ “ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่” โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย มุ่งส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน สะท้อนให้เห็นถึงการนำค่านิยมองค์กร “Growing for Good” และ “Giving Back to Society” มาสู่การลงมือทำจริง ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่เพียงช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการดูแลโลกใบนี้ไปด้วยกัน เพราะทุกขวดที่หมุนเวียนกลับมา คือก้าวเล็ก ๆ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมของเรา
ขณะที่ นางสาวอัญญดา กลางโหลน และ นางสาวศิรกาญจน์ เมฆพันธ์ ตัวแทนนักเรียนโรงเรียนมาบยางพรวิทยาคม กล่าวเกี่ยวกับกิจกรรมการเรียนรู้การแยกขยะโดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ว่า “เดิมทีพวกเราไม่ทราบว่าการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธีต้องทำอย่างไร เมื่อมีโครงการคัดแยกขยะที่พี่ ๆ จาก ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย และ The Geen เข้ามาให้ความรู้ ในรูปแบบที่สนุกสนาน และเข้าใจง่าย ทำให้นักเรียนทุกคนสามารถเข้าใจขั้นตอนและปฏิบัติตามได้จริง
ปัจจุบัน เราจะมีการร่วมกันคัดแยกขยะในทุกวันอังคารช่วงหลังเลิกเรียน และประชาสัมพันธ์ให้เพื่อนๆ นักเรียนมาช่วยกันคัดแยก รวมถึงมีการสอนวิธีการแยกขยะแก่คนที่เข้ามาร่วมใหม่ด้วย อีกทั้ง เรายังมีสภานักเรียน ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมขยะและนำไปขาย โดยได้รับการสนับสนุนจากทางอบต. ในการช่วยขนส่งไปที่สถานีซื้อขายขยะของ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เพื่อสร้างรายได้กลับมาเป็นของโรงเรียน ทั้งนี้ ความรู้ที่เราได้รับสามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งที่บ้านและภายในชุมชน ซึ่งหากเราร่วมมือร่วมใจกัน ก็จะให้พื้นที่ของชุมชนสะอาดขึ้น ขยะลดลง และมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิลนี้ ได้รับการลงทุนสร้างจาก ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ด้วยงบประมาณกว่า 500,000 บาท และมอบงบตั้งต้นสำหรับหมุนเวียนรับซื้อขยะ 30,000 บาท โดยร่วมมือกับ อบต.มาบยางพร และ The Geen เพื่อบริหารจัดการภายในชุมชน โดยสถานีฯแห่งนี้ เปิดดำเนินการซื้อขายมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 โดยรับซื้อขยะ 5 ประเภทหลัก ได้แก่ ขวด PET ขวดแก้ว น้ำมันพืชใช้แล้ว กระดาษลัง กระป๋อง
ปัจจุบันกำหนดวันรับซื้อเดือนละสองครั้ง ทุกอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของเดือน พร้อมทั้งแจกถุงสีน้ำเงินสำหรับคัดแยกขยะให้กับผู้ที่นำขยะมาขาย ซึ่งแม้จะมีต้นทุนสูง (ถุงละ 160 บาท) แต่เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการแยกขยะที่มีประสิทธิภาพในชุมชน ทั้งนี้หากใครที่จะนำขยะมาขายและทำตามเงื่อนไข เช่น ใส่กล่องลังมาให้ดี และแกะฉลากออก จะขายได้ราคาดีกว่ารถเร่รับซื้อของเก่าที่เร่ไปตามบ้านเรือนอย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เครือซีพีฯ นำทีม อาสาลุยเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา คืนความสะอาดสู่แม่น้ำไทย
เปิดใจ ‘ป้าพรคนเก็บขยะขาย’ ในวันที่คนหันรักษ์โลก รายได้ลด แต่..ขยะไม่ลด
จุฬาฯ จับมือ The Ocean Cleanup ติดกล้อง AI วิเคราะห์ปริมาณ-เส้นทางขยะในแม่น้ำ