
แชร์ประสบการณ์การลงทุน เมื่อ "เวียดนามกลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของ SCG" ในวันที่เศรษฐกิจโตแรงและอาจแซงไทย แรงงานมีแต่คนหนุ่มสาว เมืองใหม่ขยายตัว โอกาสทองวัสดุก่อสร้างสายกรีน
“อีกไม่นาน เศรษฐกิจเวียดนามอาจโตแซงไทย” สิ่งนี้อาจไม่เกินจริง เนื่องจากปัจจุบัน เวียดนาม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังจากผ่านพ้นช่วงสงครามไปเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน จึงต้องเร่งเครื่องการพัฒนาให้เติบโตเท่าทันนานาประเทศ
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เวียดนามมีฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่พร้อมผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง นั่นจึงทำให้ GDP เวียดนามในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 มีมูลค่ากว่า 3.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และขยายตัวถึง 8% โดยตั้งเป้าเติบโต GDP กว่า 10% ภายในปี 2573 ในขณะที่ไตรมาส 3 ปี 2568 ของไทย เติบโตเพียง 1.2% ชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 2 รั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน
โดยเมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานของเวียดนามจึงต้องขยายตัว ไม่ว่าจะเป็นถนน สะพาน และโครงการที่อยู่อาศัย นั่นจึงนำไปสู่การเติบโตของผลิตภัณฑ์ก่อสร้างอย่างมหาศาล และนี่คือโอกาสทองที่ 'SCG' ยักษ์ใหญ่จากไทยมองเห็นและไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือ โดย SCG ได้รุกคืบเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการวางรากฐานเมืองใหม่ของเวียดนามมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแผนการรุกตลาดหลังจากนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
SCG ได้นำข้อได้เปรียบจากการมีฐานการผลิตหลากหลายในอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และเมียนมา บริหารธุรกิจแบบูรณาการทั่วภูมิภาค (Regional Optimization) เพื่อใช้ทรัพยากรและขัดความสามารถของแต่ละประเทศให้แข่งขันได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านต้นทุน ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน
นอกจากนี้ ทุกวันนี้เวียดนามเริ่มให้ความสำคัญกับเทรนด์เรื่อง Green Building และการบรรลุเป้าหมาย Net Zero สินค้าต่าง ๆ ที่จะขายในเวียดนามเริ่มถูกคุมเข้มและตรวจสอบมากขึ้นว่าสินค้าของคุณเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ด้วยมาตรการนี้เอง จึงสอดคล้องกับ SCG ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง Inclusive Green Growth หรือ Green Business ที่ได้ประยุกต์ความเชี่ยวชาญจากไทยในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียว
ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานหมุนเวียนในห่วงโซ่การผลิตแล้ว สิ่งที่ชูโรงและกำลังมาแรงอีกประการคือ ปูนคาร์บอนต่ำของเอสซีจี ที่กำลังได้รับความสนใจทั้งในเวียดนามและต่างประเทศ
ซึ่งเอสซีจีซีเมนต์ เดินหน้ายกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้วัสดุทดแทนและวัสดุรีไซเคิล ลดการใช้ถ่านหินด้วยเชื้อเพลิงทดแทน เช่น Biomass และ Refuse Derived Fuel (RDF) และระบบ Waste Heat Recovery (WHR) ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และได้รับการยอมรับผ่านมาตรฐานระดับสากล เช่น Singapore Green Building Product (SGBC) และ International EPD System (EPD)
โดยเน้นไปที่การลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเสริมความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่ม (HVA) ซึ่งนำเสนอฟังก์ชันด้านสุขภาพและคตวามปลอดภัย ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะยอดขายของกระเบื้อง Glazed Porcelain (GP) ที่เป็นที่นิยมสำหรับบ้านสมัยใหม่ สไตล์โมเดิร์น ของคนรุ่นใหม่ในเวียดนาม