svasdssvasds

PM2.5 กระทบต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก

PM2.5 กระทบต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก

เข้าสู่ช่วงเวลาที่ระดับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จะเพิ่มสูงจนถึงขนาดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่สุขภาพเด็กๆนั้นมีความอ่อนไหวต่อมลพิษทางอากาศมากยิ่งกว่าผู้ใหญ่ การหายใจเอาอากาศที่มีมลพิษเข้าร่างกายเป็นจำนวนมากและเป็นระยะเวลานานๆ มีผลกระทบต่อการพัฒนาสมองของเลยทีเดียว

องค์การยูนิเซฟ หรือ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบที่ฝุ่น PM2.5 มีต่อร่างกายและสมองของเด็ก ระบุว่าฝุ่นผงขนาดเล็กที่อยู่ในอากาศ หรือ PM2.5 มีขนาดเล็กกว่าเส้นขนมนุษย์ถึง 25 เท่า เมื่อหายใจเข้า ฝุ่นเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายทางทั้งทางจมูกและปาก อากาศจะผ่านระบบทางเดินหายใจ และเข้าไปถึงถุงลมที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของปอด

ฝุ่นขนาดเล็กนี้ เมื่อเข้าไปถึงถุงลม สามารถแทรกซึมเข้ากระแสเลือดและถูกนำไปสู่อวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆให้เป็นไปตามปกติได้ อวัยวะสำคัญที่ได้รับผลกระทบคือ ปอด ระบบภูมิคุ้มกัน หัวใจ และสมอที่กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาการ

ยูนิเซฟระบุว่าอัตราการเติบโตของสมองจะสูงสุดในช่วงแรกเกิด แต่การพัฒนานั้นจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องในวัยเด็กและวัยรุ่น ซึ่งมีผลต่อเรื่องความจำ สมาธิ การควบคุมอารมณ์ และการเข้าสังคม

เมื่อ PM2.5 เข้าถึงสมองของเด็กที่กำลังพัฒนา ฝุ่นเหล่านี้จะสร้างความเสียหายต่อเซลล์สมอง อาจส่งผลให้เกิดความบกพร่องในการพัฒนาทางปัญญา และความสามารถในการเรียนรู้ และการสะสม PM2.5 ในร่างกาย จะส่งผลให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบประสาทในภายหลัง

นอกจากจะสร้างความเสียหายให้สมองของเด็กแล้ว สตรีมีครรภ์ก็ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากเช่นกัน การหายใจเอาอากาศที่มีฝุ่น PM2.5 เข้าไป อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ทารกในครรภ์มีความเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้นกว่าปกติในภายหลัง อย่างเช่นโรคเส้นโลหิตในสมองอุดตัน โรคปอดบวม โรคหัวใจขาดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และมะเร็งปอด

หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่มีมลพิษทางอากาศสูง คุณควรอยู่ภายในอาคาร ถ้าจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ต้องใส่หน้ากาก N95 ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ ทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีปริมาณวิตามินซี วิตามินอี และโอเมกา-3 ในระดับสูง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ อาหารช่วยลดผลกระทบจากฝุ่นพิษ