svasdssvasds

พฤติกรรมคนไทยกับการเล่นหวย

พฤติกรรมคนไทยกับการเล่นหวย

วันหวยออก คือ วันแห่งความหวังของคนจำนวนมาก แต่เมื่อผลการจับรางวัลออกแล้ว อาจหดหู่เพราะถูก “หวยกิน” ก็เป็นได้ แต่เคยสงสัยหรือไม่เพราะเหตุใดจึงไม่เข็ดหลาบ และเกิดการซื้อซ้ำอีกครั้ง เลิกอย่างจริงจังไม่ได้เสียที พฤติกรรมเหล่านี้มีเหตุผลรองรับทางด้านการเสพย์ติดอยู่ด้วย

งานวิจัย โดย ผศ.วราฤทธิ์ พานิชกิจโกศลกุล ภาควิชาคณิตศาสตร์และสถิติ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจะทำให้ผู้ซื้อสูญเสียเงินโดยเฉลี่ย 40 สตางค์ต่อราคาสลาก 1 บาท ส่วนการซื้อสลากเลขท้ายจะทำให้ผู้ซื้อสูญเสียเงินโดยเฉลี่ยอย่างน้อย 35 สตางค์ และมากที่สุด 70 สตางค์ต่อราคาฉลาก 1 บาท และสลากเลขท้าย โอกาสได้รางวัลเลขท้าย 2 ตัวของสลากกินแบ่งรัฐบาลจะมีโอกาสเพียง 1 ใน 100 ขณะที่โอกาสถูกรางวัลที่หนึ่งพิเศษมูลค่า 30 ล้านบาทก็จะมีโอกาสถูกรางวัลเพียง 1 ใน 30 ล้านเท่านั้น

ในแง่จิตวิทยาแล้ว ค่านิยมและความเชื่อ เป็นตัวชี้นำพฤติกรรมของบุคคลในการดำเนินชีวิตในสังคม ซึ่งพฤติกรรมการเล่นหวยมีแนวโน้มใกล้เคียงกับปฏิกิริยา halo effect นั่นคือ เป็นการรับรู้ด้านบวกด้านเดียวต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วมีความรู้สึกบวกในด้านอื่นๆของสิ่งนั้นไปด้วย จึงทำให้เกิดความเอนเอียง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจาก มหาวิทยาลัยเลตบริด มณฑลอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา นายโรเบิร์ต วิลเลียมส์ อธิบายเช่นกันว่ามันคือ อคติเรื่องความเป็นไปได้ การคิดเข้าข้างตัวเองว่าเรามีโอกาสถูก และจะพยายามเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เพื่อเข้าข้างตนเอง

พฤติกรรมการซื้อหวยของคนไทยที่ซื้อทั้งหวยบนดิน และหวยใต้ดิน เป็นพฤติกรรมความเชื่อที่อยู่กับสังคมไทยมายาวนาน  เมื่อซื้อแล้วก็จะเกิดการซื้อซ้ำทุกงวด แม้ไม่ถูกก็จะคิดเอาว่า เลขเคลื่อนไปนิดเดียวเอง เฉียดไปตัวเลขเดียวจึงเกิดเป็นความหวังว่า งวดหน้าอาจเป็นวันของเรา ซึ่งปรากฎการณ์นี้เรียกว่า “ปรากฎการณ์พลาดไปนิดเดียว” (Near Miss Effect)

ไมค์ โรบินสัน นักค้นคว้าวิจัยการพฤติกรรมการเสพย์ติดกว่า 15 ปี ค้นพบว่าเกมการพนัน ขนาดของเงินรางวัลหรือโอกาสที่จะได้รางวัล ล้วนเป็นสิ่งที่มีผลทำให้คนเสพย์ติด ร่างกายคนเราจะหลั่งสารสื่อประสาทโดพามีนออกมา ทั้งเวลาที่เสียพนันและเวลาที่ชนะพนัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่เสียพนันกลับเลือกที่จะเล่นต่อแทนที่จะหยุด เพราะว่าการเสียพนันก็ทำให้ผู้เล่นมีความสุขไม่ต่างจากการชนะพนัน

สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการสำรวจสถานการณ์การพนัน พบว่า หวยใต้ดินยังครองแชมป์อันดับหนึ่งของการพนันไทยควบคู่กับสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมีการพนันในบ่อนและการพนันฟุตบอลติดอันดับตามมา การพนันหวยใต้ดินยังเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องจ่ายภาษี มีการจัดตั้งเครือข่ายการขาย และการจัดเก็บรายได้อย่างกว้างขวาง ความยืดหยุ่นสูง ทำให้ธุรกิจหวยใต้ดินสามารถขยายเครือข่ายได้อย่างเป็นระบบ มีทั้งเจ้ามือรายย่อย ในระดับหมู่บ้าน จนถึง เจ้ามือรายกลาง และรายใหญ่ ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การพนันที่มีการเติบโตมากกลับเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล และจากรายงานการสำรวจพฤติกรรมการซื้อหวยใต้ดินของประชาชน โดยการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 7,900 กลุ่มตัวอย่าง ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย พบว่า ประชาชนในภาคอีสาน ใช้จ่ายเงินเพื่อการเล่นหวยใต้ดินเป็นสัดส่วนของเงินรายได้ที่สูงกว่าประชาชนในภาคอื่นๆ พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย กลุ่มคนโสดมากกว่าผู้ที่สมรส และผู้ที่มีรายได้น้อยได้ใช้เงินเพื่อซื้อหวยใต้ดินสูงกว่าผู้ที่มีรายได้สูง