SPRiNG ย้อนรอย 5 ผลงานกราฟิตี้ของ Banksy ศิลปินปริศนาผู้ใช้ศิลปะ Street art วิพากษ์สังคมอย่างเจ็บแสบและแยบยล สงครามรัสเซีย-ยูเครน ตำรวจจูบกัน อ่านได้ที่บทความนี้
เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยหรือเคยเห็นผลงานของ Banksy ศิลปินสตรีทอาร์ตชื่อดังระดับโลก เจ้าของงานศิลปะอย่าง Girl with balloon (หรือที่รู้จักในชื่อ Love is in the bim) เคยถูกประมูลไปในราคาสูงถึง 23.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 760 ล้านบาท แต่เรื่องราว และงานศิลปะของแบงก์ซีมีเรื่องน่าสนใจมากกว่านี้
Banksy ไม่ได้โด่งดังเพราะขายงานศิลปะได้ในราคาสูง แต่ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไปทั้งโลกจากการที่เจ้าตัวใช้ศิลปะเพื่อสะท้อนอุดมการณ์ของตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านสงคราม การกดขี่ การเรียกร้องสันติภาพ หรือแม้แต่ต่อต้านระบบทุนนิยมก็ตามที
ศิลปะจากการสร้างสรรค์ของ Banksy ปรากฏสู่สาธารณะเป็นครั้งแรกในยุค 1990s ในยุคแรก Banksy ใช้เทคนิคพ่นสีจากกระป๋องโดยตรง แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายยุค 90s เขาใช้เทคนิค Stencil หรือก็คือการนำกระดาษหรือวัสดุอื่น ๆ มาเจาะรูให้เป็นรูปร่าง แล้วพ่นสีตามรูเหล่านั้นจนออกมาเป็นภาพ
เทคนิคนี้เอื้อให้แบงก์ซีสร้างงานศิลปะที่ซับซ้อนได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะว่าการพ่นสีสเปรย์ในที่สาธารณะถือเป็นการทำลายสาธารณสมบัติ (valdalism) และถ้าใช้เวลานานก็มีความเสี่ยงถูกจับ หรือตัวตนอาจถูกเปิดเผยได้
แต่เชื่อหรือไม่ว่า...แม้ชื่อเสียงของเขาจะโด่งดับระดับโลก ทว่าปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีใครล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วตัวตนที่แท้จริงของ Banksy คือใครกันแน่ ประชาชน คนเสพงานศิลป์ก็อยากรู้ และเชื่อว่าผู้มีอำนาจก็คงอยากรู้จักเขาเช่นกัน เพราะแต่ละวีรกรรมของแบงก์ซีนั้น “สะเทือนโลก” สุด ๆ ไปเลย
แต่ก็พอมีเบาะแสเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้าง อย่างน้อยเราก็รู้ว่า Banksy คือผู้ชาย และมีชื่อว่า Robbie ข้อมูลนี้อ้างอิงจากเทปเสียงการสัมภาษณ์ของ ไนเจล เรนซ์ (Nigel Wrench) ผู้สื่อข่าว BBC ที่ได้พูดคุยกับ Banksy
ไนเจลถาม Banksy ว่าคุณชื่อ Robert Banks หรือเปล่า ด้านศิลปินตอบกลับมาว่า “Robbie” ฟังเทปเสียงฉบับเต็มความยาว 47 วินาทีได้ที่นี่ https://www.bbc.com/news/av/entertainment-arts-67485027
แม้จะไม่เคยเห็นหน้า ชื่อก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่เราสามารถรู้จักตัวตน วิธีคิด วิธีการมองโลก และอุดมการณ์ทางการเมืองของ Banksy ได้ผ่านงานศิลปะ และวันนี้ SPRiNG หยิบผลงานกราฟิตี้มา 5 ชิ้น มาเล่าสู่กันฟัง
พิกัด: สะพานวอเตอร์ลู ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
สาเหตุที่ทำให้ภาพ Girl with Balloon เป็นที่จดจำแทบจะในทันที่ก็คือ คนดูจะเกิดคำถามว่าหญิงสาวผู้นี้เธอตั้งใจปล่อยลูกโป่งนี้ไปด้วยตัวเอง หรือกำลังเอื้อมมือไปคว้าลูกโป่งสีแดงนี้ที่อยู่ไกลเกินเอื้อมกันแน่ การไม่มีคำตอบที่แน่ชัดทำให้ภาพนี้ถูกตีความว่าเป็นการสื่อถึงความรัก ความหวัง และอิสระภาพ
Girl with Balloon ถูกวาดขึ้นครั้งแรกในปี 2002 บนกำแพงของร้านค้าในย่าน Shroeditch แต่ถูกสภาเมืองลอนดอนทาสีทับ ในปีเดียวกันนั้น แบงก์ซีสร้างภาพนี้ขึ้นใหม่ ที่บริเวณสะพานวอเตอร์ลู ณ กรุงลอนดอน แต่หนนี้มีข้อความประดับไว้ด้วยว่า There’s always hope
เมื่อพูดถึงการตีความ 100 คนมองก็ 100 คำตอบ ด้านเว็บไซต์ Banksyexplained อธิบายว่าเด็กหญิงกำลังเอื้อมมือไปคว้าลูกโป่งคือสัญลักษณ์แห่งวัยเยาว์ ซึ่งมีทั้งความสุขและทุกข์ปนกันไป ภาพนี้อาจตีความได้ว่าวันใดวันหนึ่ง เราต่างต้องสูญเสียวัยเยาว์ไป แต่วัยเด็กก็เป็นช่วงวัยที่อยู่กับเราไปทั้งชีวิต อิสระภาพ ความหวัง ความสุข เชื่อมโยงกันตั้งแต่เกิดจนถึงตาย
มีการตีความถึงขั้นว่า Banksy น่าจะเป็นลูกคนที่แม่ไม่ค่อยรักหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม ภาพทั้ง 2 เวอร์ชันปัจจุบันไม่หลงเหลือให้เห็นอีกแล้ว แต่ Banksy ได้สร้างขึ้นใหม่เป็นงานศิลปะรูปแบบอื่น ๆ แทน เช่น ภาพวาด ภาพพิมพ์ แล้ววางขาย เป็นหนึ่งในภาพไอคอนิคของแบงก์ซีที่ใครเห็นก็รู้ทันที
พิกัด: เมืองโบโรดยานกา ยูเครน
ในปี 2022 ถือเป็นปีที่มีเหตุการณ์สำคัญของโลกเกิดขึ้น นั่นก็คือการรบพุ่งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ในช่วงนั้นเอง คนก็คาดเดากันไปว่าแบงก์ซีจะแสดงจุดยืน หรือต่อต้านสงครามด้วยงานศิลปะหรือไม่ กระทั่งวันที่ 11 พฤศจิกายน 2022 เจ้าตัวก็โพสต์ภาพ The Gymnast ลงบนอินสตราแกรมส่วนตัว
The Gymnast คือภาพหญิงกำลังเล่นยิมนาสติก ที่ถูกวาดลงบนซากปรักหักพังของตึก ที่ถูกทำลายในเมืองโบโรดยานกา ยูเครน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเคียฟเพียง 48 กิโลเมตร ทำไมต้องพ่นสีที่นี่ นั่นก็เพราะโบโรดยานกาเป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกโจมตีรุนแรง ทั้งโดนทิ้งระเบิด และถูกยึดโดยกองทัพรัสเซียในช่วงแรกๆ ของสงคราม
ภาพนี้กำลังสื่อถึงอะไร ผู้ชื่นชอบพิจารณาศิลปะมองว่าแบงก์ซีให้นักบัลเล่ต์ ที่กำลังวาดลวดลายด้านกายภาพ อันอ่อนช้อย และแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน เพื่อสะท้อนถึงความอดทนของมนุษย์ ไม่ใช่แค่อดทนในเชิงกายภาพ แต่รวมถึงจิตใจด้วย พลเมืองผู้ไม่รู้เรื่องต้องรักษาความสมดุลของความกลัวและการมีชีวิตรอดในสภาวะสงคราม
หากจะเรียกว่า The Gymnast คือความหวังที่ผุดขึ้นท่ามกลางซากปรักหักพัง ก็คงไม่เกินจริงนัก และการที่แบงก์ซีเลือกสร้างงานศิลปะขึ้นที่ฝากฝั่งของยูเครน นั่นก็แปลว่าเจ้าตัวได้พูดอุดมการณ์ต่อกรณีนี้แล้วนั่นเอง
พิกัด: บริสตอล ประเทศอังกฤษ
ว่ากันว่าเมืองบริสตอลคือบ้านเกิดของ Banksy และภาพนี้ก็ถูกวาดขึ้นที่นี่ในปี 1999 The Mild Mild West คือภาพตุ๊กตาหมีที่กำลังขว้างระเบิดใส่ตำรวจ เว็บไซต์ Banksyexplained อธิบายว่าแบงก์ซีใช้เวลาวาดภาพนี้สามวัน ในช่วงกลางวันแสก ๆ
หมี ตำรวจ ตะวันตก หมายถึงอะไร ขอเล่าแบบนี้ดีกว่า ในช่วงทศวรรษ 1990s เมืองบริสตอลมีงานปาร์ตี้รื่นเริงค่อนข้างมากในยามค่ำคืน ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดกันที่โกดังร้าง แน่นอนมันก็มีความวุ่นวาย ส่งเสียงรบกวน ทำให้ครั้งหนึ่งเกิดเหตุการณ์ตำรวจปราบจราจลนักปาร์ตี้
Banksy จึงวาดภาพนี้ขึ้นมา เป็นตุ๊กตาหมีขวางปาระเบิดใส่ตำรวจ แสดงออกถึงการไม่ยอมจำนนต่อผู้มีอำนาจ ภาพนี้เป็นที่รักของชาวเมืองบริสตอลมาก แต่ในปี 2009 ภาพนี้ถูกทาทับด้วยสีแดงโดยองค์กรต่อต้านกราฟิตี้ที่ชื่อ Appropriate Media
ต่อมาทางเมืองบริสตอลจึงซ่อมแซมภาพวาดดังกล่าว และมีแผนที่จะปิดกราฟิตี้ชิ้นนี้ด้วยกระจก เพื่อป้องกันถูกทำลายเสียหาย และภาพนี้ถูกวาดในที่สูง ทำให้ใครผ่านมาก็ต้องเห็นเจ้าภาพนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ภาพ The Mild Mild West จึงเป็นขุมพลังแห่งการต่อต้านผู้มีอำนาจ และเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองบริสตอล บ้านเกิดของ Banksy
พิกัด: ไบรท์ตัน ประเทศอังกฤษ
“Muahhh” ภาพตำรวจสองนายกำลังป้อนจูบกันบนกำแพงในที่สาธารณะ ใครเห็นก็ต้องเหลียวมอง แต่จะมองด้วยวิธีคิดแบบไหน อันนี้ก็ต้องมาว่ากันอีกที Kissing Coppers คือภาพที่แบงก์ซีกำลังยั่วล้อกับประเด็นรักร่วมเพศ ซึ่งมีทั้งผู้ที่ก้าวหน้าไปไกล และฝ่ายที่ยังมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกทำนองคลองธรรม
Kissing Coppers ถูกวาดขึ้นในปี 2004 ที่ผับชื่อ The Prince Albert เมืองไบรท์ตัน บริบทสังคมในเวลานั้นคืออังกฤษยังไม่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม พึ่งจะผ่านกฎหมายในปี 2013 กล่าวคือคู่รักเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้ในประเทศอังกฤษและเครือจักรภพ
และเช่นเคย Banksy มักหยิบจับประเด็นที่มีการถกเถียงมาเล่าผ่านงานศิลปะ จึงเอาตำรวจ ซึ่งมีอำนาจในการใช้กฎหมาย มายืนกอดจูบกันกลางที่สาธารณะเสียเลย แน่นอนว่าเรื่ืองคาว (ไม่ได้เขียนผิดนะ) ทำนองนี้ ย่อมไม่ถูกใจเหล่าอนุรักษ์นิยมทั้งหลาย ซึ่งมีอยู่มากในอังกฤษ
แต่ความแซ่บซี้ดคืออะไรรู้ไหม ไบรท์ตันนั้นได้ชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงของชาว LGBTQ+” ดังนั้น ในแง่หนึ่ง เราอาจตีความได้ว่า Banksy ก็แสดงจุดยืนในการสนับสนุนความรักอันเท่าเทียมของชาว LGBTQ+ หรือจะมองว่าเขาก็แค่จิกกัดผู้มีอำนาจไปวัน ๆ ก็ได้เช่นกัน
พิกัด: กำแพงเวสต์แบงก์ อิสราเอล
ภาพนี้ถูกวาดขึ้นในปี 2003 Love Is In the Air คือภาพชายแต่งตัวเป็นนักรบ โพกผ้าปิดหน้าปิดตา สวมหมวก และกำลังขวางปาสิ่งซึ่งน่าจะเป็นระเบิด แต่กลับเป็นดอกไม้ งานชิ้นนี้ซ่อนนัยทางการเมืองไว้อย่างแยบยล และมีหลายมิติให้พูดคุย
เคยคิดไหมว่าสงครามมันคือเรื่องไร้สาระ เราเข่นฆ่ากันไปทำไม มีแต่คนเสียชีวิต ทำไมโลกใบนี้มันช่างเต็มไปด้วยความไร้เหตุผลเสียจริง นี่ก็คงเป็นคำถามเดียวกับที่ Banksy สงสัย และตั้งคำถามออกมาผ่านงานชิ้นนี้
Love Is In the Air เคยมีเวอร์ชันแรก วาดขึ้นที่กรุงลอนดอน แต่ก็ได้หายสาปสูญไปแล้ว ตามวิถิของกราฟิตี้ แต่เวอร์ชันสอง ซึ่งมีความน่าสนใจมากกว่า ถูกวาดขึ้นที่ กำแพงเวสต์แบงก์ ประเทศอิสราเอล Banksy วาดภาพนี้หลังจากกำแพงเวสต์แบงก์ ซึ่งมีความยาว 760 กิโลเมตร กั้นระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ได้ไม่นาน
Banksy เคยเขียนถึงงานชิ้นนี้อย่างอ้อม ๆ ไว้ว่า “ตอนนี้ ปาเลสไตน์เป็นคุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับเหล่ากราฟิตี้ ที่อยากหากิจกรรมทำในวันหยุดพักผ่อน” ผลงานของแบงก์ซีบนกำแพงเวสต์แบงก์มีมากกว่าสิบชิ้น ภายในระยะเวลา 10 ปี
ว่ากันว่าสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ไม่มีวันจบสิ้น ไม่ว่าจะกี่เจเนอเรชัน เปลี่ยนผู้นำใหม่กี่คน อิสราเอลและปาเลสไตน์ก็ไม่มีวันพบเจอกับความสงบ ต้องรบพุ่งกันไปแบบนี้ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 จนปัจจุบันก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด
Love Is In the Air คือหนึ่งในงาน anti-war ของ Banksy ที่โด่งดังที่สุดของเจ้าตัว การขว้างปาดอกไม้แทนที่จะเป็นระเบิด ถือเป็นความหวังที่แบงก์ซีเชื่อมั่นว่าสักวันจะเกิดขึ้น แต่คนที่จะเลือกว่าจะขว้างระเบิดหรือดอกไม้ดันไม่ใช่ประชาชนเสียนี่สิ
ที่มา: MyArtBroker, banksyexplained, explorial
ข่าวที่เกี่ยวข้อง