เรียนรู้ชีวิตนักแสดงสาว "ษา วรรณษา ทองวิเศษ" ผู้หญิงแกร่งในบทบาท "แม่ที่ดีขอลูก" และ "ลูกที่ดีของแม่" จากประสบการณ์ชีวิตที่เคยก้าวผิดพลาดในอดีต
"แม่" คำเรียกสั้นๆ แต่ความหมายนั่นยิ่งใหญ่ "แม่" คือผู้เลี้ยงดูและให้กำเนิด และ ไม่ง่ายหากมีลูกเกิดมาเป็นเด็กพิเศษอย่าง "ษา วรรณษา ทองวิเศษ" ที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงลูกชาย "น้องเซย์เดย์" ด้วยความอดทนมานาน 17 ปี
แต่อีกมุมชีวิต "ษา วรรณษา" คือลูกสาวที่ในอดีตเคยเป็นวัยรุ่นที่มีความคิดต่อต้านเพราะเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูที่เข้มงวดของคุณแม่ เมื่อเวลาผ่านไปชีวิตของเธอได้กลายเป็นแม่ของลูก นี่จึงให้ทำเธอได้รู้ความหมายคำว่าแม่อย่างแท้จริง
"ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยว" เลี้ยงลูกชายคนเดียว 17 ปี
"หนักมากค่ะ ซึ่งษารู้ว่าตัวเองหนักก็คือตอนที่รู้ว่าลูกเป็นเด็กพิเศษ ตอนหนึ่งขวบตอนแรกก็กระดี๊กระด๊าว่าไม่เป็นไรหรอก ถึงครอบครัวไม่ได้สมบูรณ์แต่ก็ยังมีคุณแม่ที่คอยดูแลอยู่ แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วมันเหมือนกับเราแบกรับทั้งสองทาง"
"ทางนึงก็คือคุณแม่ก็คือผู้สูงอายุหกสิบแล้ว แล้วก็ต้องมาเจอลูกที่แบบเป็นเด็กพิเศษ ตอนแรกษาก็บอกกับตัวเองว่า ไหวหรือเปล่าหรือว่าตัวเองไม่ไหวแล้วบอกไหว แต่จริงๆ แล้วก็คือไม่ไหว มันไม่มีช้อยส์อะไรให้ษาเลือกทั้งนั้นเลย"
"ษาต้องบอกว่าชีวิตตอนช่วงนั้นมันดิ่งเรื่องแรกเลยก็คือดิ่งเรื่องชีวิตคู่ คือทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าเหมือนกับข่าวเราออกมาเหมือนกับเราดื้อ เราดื้อเราออกมาแต่งงานโดยที่แบบแม่ไม่ได้ยินยอม"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
3 ดาราดัง กับนิยามคำว่า "แม่" ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ของลูก
4 ดาราคุณ (แม๊) เลี้ยงเดี่ยวในวงการบันเทิง ชีวิตนี้ขอสู้เพื่อลูก
เปิดหัวใจ 5 คุณแม่คนบันเทิง ยกให้ลูกคือหัวใจผู้ที่ทำให้รู้จักกับคำว่าแม่
"เราก็บอกโอเคมันใช่ชีวิตฉัน ฉันเลือกเองถ้ามันไม่ดีคือฉันเอง แต่ไม่ใช่ว่าคนอื่นมาว่าเป็นพ่อแม่เลือกให้แล้วมันไม่ดี พอเลิกไปแล้วจะมีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น จนมาจุดที่สองพีคก็คือมาเจอว่าลูกเป็นเด็กพิเศษ จุดที่สามก็คือแม่ไม่รับ แม่ไม่รับในที่นี้ไม่ใช่แม่ไม่เอาหลาน"
"แต่แม่ไม่รับคือเป็นจริงหรอ กลายเป็นว่าเราไปไม่ถูกเพราะเราต้องการคนช่วยและแม่เป็นคนเดียวที่ต้องช่วยเรา สิ่งที่ษาเลือกได้ก็คือว่าเดินต่อ แต่ว่าจะลุยแบบไหนแล้วก็ใช้ความคิดแบบไหน ใช้วิธีแบบไหนมาลุยมากกว่าก็ต้องหาตรงนี้กันอีกที"
ไม่อายลูกแม่เป็น "เด็กพิเศษ"
"เจอคนมองรู้สึกอายไหมเป็นดาราลูกเป็นเด็กพิเศษ ษาเจอพูดแรงกว่านี้ ษาไม่ใส่ใจ ษาไม่แคร์ สิ่งที่ษาแคร์ตอนนั้นคือษาแคร์ลูก ษาแคร์แม่ ษาร้องไห้มาเยอะแต่คนไม่เห็นษาร้องไห้แค่นั้นเอง คือษาไม่ได้ออกมาร้องไห้ฟูมฟาย แต่ถามว่าษาร้องไห้ไหมตอนที่ษารู้ว่าลูกษาเป็น ษาแอบไปร้องไห้นะ ษาจะมาร้องไห้กับแม่หรอแม่ษาแย่แล้วนะ"
"เสียใจไปวันนึงลูกก็ไม่เห็นดีขึ้นเลย ร้องไห้ไปก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นลุกขึ้นมาแล้วก็ทำใหม่แล้วก็ให้เร็วด้วยเพราะว่าเวลาที่เขาโตกับเวลาที่เราอายุมากขึ้นมันเหลือเวลาน้อยลงทุกวัน ณ เวลานี้ษาก็พูดกับลูกว่าเวลาแม่กับคุณยายเหลือไม่เยอะนะเพราะฉะนั้นหนูต้องฟังแม่นิดนึงแล้วหนูจะได้อยู่บนโลกนี้ได้ สิ่งที่ษาคิดตอนนั้นเลย ก็เหมือนกันตอนนี้ที่ษาได้อยู่ก็คือลูกสามารถอยู่ในสังคมอยู่ร่วมกับคนอื่นได้"
"บางทีเรามีเขาขึ้นมาคนนึงควรที่จะคิดว่าเขาคือของขวัญมากกว่าที่จะคิดว่าเขาเป็นขยะ ษาบอกว่าเด็กพวกนี้เป็นเด็กพิเศษ ถ้าเกิดว่าคุณพยายามที่จะค้นหาเขาอยู่กับเขาคุยกับเขาให้คุยจริงๆ นะ ไม่ใช่คุยไปแล้วก็ว่าไปๆ เพราะเด็กพวกนี้ซึมซับอะไรหลายๆ อย่างจากเราได้ง่ายมาก และซึมซับจากเราได้ถึงสามถึงสี่เท่า"
"จริงๆ แล้วษาคิดว่าลูกเป็นไฮเปอร์ ไม่ได้คิดเรื่องออทิสเลยเพราะว่าออทิสในตอนนั้นเราคิดว่าคือดาวน์ซินโดรม มันเป็นความเข้าใจผิดของเราและของคนอื่นอีกหลายๆ คน จริง ๆ แล้วดาวน์ซินโดรมก็คือดาวนืซินโดรมเลยเขาก็จะตรวจในน้ำคล้ำได้ว่าเป็นดาวน์ซินโดรม"
"แต่ว่าออทิสติกจะเจอได้ในตอนขวบนึงเป็นต้นไป แล้วออทิสติกก็เหมือนพวกเรานี่แหละค่ะก็เหมือนพวกเราปกติ ษาบอกกับตัวเองว่าฉันไม่มีลูกแบบมีปัญหานะ เซย์เดย์ไม่ใช่เด็กมีปัญหา เซย์เดย์เป็นเด็กพิเศษจริง แต่เป็นพิเศษที่อยู่บนโลกนี้ได้เป็นเด็กพิเศษที่สามารถที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้มีเพื่อนได้ พูดคุยได้เป็นปกติ"
เราสามารถทำให้เด็กพิเศษคนนึงที่เขาอาจจะแบบมีปัญหากลับมาให้เป็นคนปกติธรรมดาได้ตอนนี้ก็น่าจะประมาณสัก 60-70 เปอร์เซ็นต์แล้ว แล้วก็ทำให้ในชีวิตเขามีจุดมุ่งหมายดีขึ้น อารมณ์ของเขาดีขึ้นเขามีเหตุผลสามารถที่จะโต้ตอบกับคนอื่นได้ษารู้สึกภูมิใจว่าฉันทำมาดีค่ะ
ลูกสอนให้รู้จัก "ความรักของแม่"
"ความรักไม่ต้องพูดเลยมันเปรียบเปรยไม่ได้มันทำให้ความเป็นแม่ของษาตรงนี้ ษารักแม่ตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมอีก รู้ไหมว่าทุกครั้งที่ษาคิดว่าตอนนี้ษา 42 ษาคิดกับแม่ แม่ 61 ถ้าษา 52 แม่ 71 ถ้าษา 62 แม่ 81 เราเหลือเวลากับเขาอีกกี่ปีถูกไหม ษาดูแลแม่มากขึ้น ถ้าย้อนไปเป็นษาคนนั้นทุกคนจะเห็นในข่าวเลยว่าษากับแม่ทะเลาะกันบ่อยมากเป็นแม่ลูกที่แบบไม่เข้าใจ"
"ซึ่งษาก็ไม่เข้าใจแม่ว่าตอนเด็กๆ ทำไมแม่ต้องตีทำไมแม่ต้องแบบคอยห้ามโน่นห้ามนี้ ทั้งๆ ที่คนอื่นเขาก็ออกไปเล่นได้ทำไมต้องเข้าบ้านสี่โมงเย็น คนอื่นเล่นกันตั้งทุ่มนึง แม่ให้เหตุผลแค่ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ก็บอกคนที่เขาเล่นอยู่ก็เป็นเด็กผู้หญิงก็ไม่เห็นมีใครมาเรียก แล้วทำไมหนูต้องโดนตีทำไมแม่ต้องตีหนูขนาดนี้"
"เราก็เลยไม่เข้าใจแม่ไม่เคยเชื่ออะไรแม่เลยสักอย่างต่อต้าน แต่พอมาในวันเนี่ย กลายเป็นว่าษารู้ทุกอย่างด้วยตัวเองตอนที่ษาดูแลลูกของษาเอง ษารู้ว่า ว่าทำไมเขาถึงห่วงเราขนาดนั้นก็เพราะว่าเขามีลูกคนเดียว เราก็เช่นกัน ษาเคยแบบว่าเถียงแม่แบบวิ่งเข้าห้องน้ำล็อกประตู แล้วแม่ก็เคาะประตูแบบออกมาๆ ตอนนั้นษาไม่รู้เลย ษามารู้อีกทีคือตอนเดย์วิ่งเข้าห้องน้ำล็อกประตูแล้วษาก็แบบว่าเดย์ออกมา"
"แล้วมันเหมือนแบบภาพมันปึ้งขึ้นมาเลย คือเราไม่ได้เคาะออกมาเพื่อจะเอาเขามาตี แต่เรากลัวว่าเขาจะไปหยิบอะไรในห้องน้ำมากิน แม่เขาก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ษาเคยแบบไม่เข้าใจแม่จนกระทั่งแบบกินยา แล้วษาแบบทำไมษาเป็นคนแบบนั้นว่ะ ษาออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนแม่โทรหา เป็นยังไงอยู่ที่ไหนไม่รับสายปิดโทรศัพท์"
"ษาถามว่าษามีลูกแบบเนี่ย ลูกที่อยู่ติดบ้าน ลูกที่ไม่เที่ยว ลูกที่ไม่อะไรเลยถึงจะเป็นเด็กพิเศษก็ตามนี่คือบุญแล้วนะ นี่คือบุญแล้ว ษาเลยบอกโอเคษาเลยกลับมาทำดีกับแม่ให้มากที่สุดในเวลาที่ษาเหลืออยู่ เวลาเขาอยากได้อะไรเขาอยากกินอะไรเขาอยากทำอะไรษาได้หมด ษาอยากจะบอกทุกคนว่าจริงๆ แล้วคำว่าพ่อกับแม่มันมีความหมายมาก"
"ถึงแม้ว่าบางทีเนี่ยเขาพูดกับเราไม่ดี คือพ่อแม่เราแสดงออกแบบนั้น แต่เขาก็ยังรักเราแล้วเขาก็พูดเสมอว่าเดี๋ยวมีลูกเดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวจะรู้เองแล้วตอนนี้รู้แบบรู้แน่นมากเพราะฉะนั้นถ้าคุณยังมีพ่อมีแม่อยู่คุณทำกับเขาดีๆ เถอะ ทำกับเขาดีๆ แล้วคุณลองมองย้อนกลับไปว่าเวลาที่คุณทุกข์ใจที่สุดเขาก็อยู่ข้างคุณนะ"