การขี่ม้าเป็นกิจกรรมและกีฬา ที่กำลังเป็นเทรนด์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตสนุกๆ ระหว่างท่องเที่ยวของทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะการได้ฝึกขี่ม้าท่ามกลางผืนป่า และธรรมชาติอันงดงาม
การฝึกขี่ม้า เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายที่ดีแล้ว ยังให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน สำหรับคนทุกเพศทุกวัย และทุกคนในครอบครัวได้อีกด้วย เมื่อก่อนเราอาจมองว่าการขี่ม้า เป็นเพียงกิจกรรมเฉพาะกลุ่ม แต่ปัจจุบันการฝึกขี่ม้าเข้าถึงได้ง่ายมากๆ เป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ที่มีประโยชน์รอบด้าน นอกจากจะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิก และฝึกสมาธิในการควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี แต่การขี่ม้าให้ถูกหลักนั้นต้องมีความรู้ ทักษะพื้นฐาน รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของทั้งคนและม้าด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับการขี่ม้า กิจกรรมเขาใหญ่สนุกๆ เสริมสุขภาพสำหรับทุกคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ท่าพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้นฝึกขี่ม้า
ถึงแม้ว่าการขี่ม้าจะเป็นกิจกรรมที่สนุกได้ทั้งครอบครัวก็ตาม แต่ในเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ หรือผู้เริ่มต้นฝึกขี่ม้า จำเป็นต้องมีหลักการในการขี่ม้าอย่างถูกต้อง ผู้ขี่ม้าจะต้องทำความคุ้นเคยกับลักษณะนิสัยอารมณ์ของม้าให้ดีก่อน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมดูแลเพื่อความปลอดภัย ใส่อุปกรณ์ป้องกันที่ถูกต้องทั้งคนและม้า
เรามารู้จักกับท่าพื้นฐาน 4 ท่า สำหรับผู้เริ่มต้นฝึกขี่ม้ากันเลยดีกว่า
• ท่าเดิน (Walk)
ท่าพื้นฐานเริ่มต้น สำหรับการฝึกขี่ม้าคือท่าเดิน โดยการจับบังเหียนม้าให้แน่น จากนั้นก้าวเท้าซ้ายขึ้นไปเหยียบบนโกลนม้าก่อน เมื่อขึ้นนั่งขี่บนตัวม้าแล้ว ให้ก้มหน้าลง แนบขาทั้งสองข้างชิดลำตัวม้า จากนั้นจึงใช้เท้าสะกิดท้องม้าเบาๆ เพื่อให้ม้าเดิน ส่วนการควบคุมให้ม้าหยุดนิ่ง ให้ดึงบังเหียนม้าทั้งสองข้างขึ้นมาให้ตึง โดยไม่ดึงแรงจนเกินไป
• ท่าวิ่งเรียบ (Trot)
หลังจากเริ่มต้นกับท่าเดินแล้ว ก็มาถึงท่าวิ่งเรียบ ที่แบ่งออกได้เป็น 2 ท่าย่อยคือ ท่าวิ่งเรียบนั่งและท่าวิ่งเรียบแบบยกตัว ทั้งสองท่านี้จะมีวิธีบังคับคล้ายกับท่าเดิน คือ เป็นการสั่งให้ม้าเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความต่อเนื่องจนม้าเริ่มวิ่ง ท่าวิ่งเรียบนั่ง เราจะนั่งอยู่บนอานม้าตลอดเวลา ส่วนท่าวิ่งเรียบยกตัวจะเป็นการลุกขึ้นสลับกับการนั่ง
• ท่าวิ่งโขยก (Canter)
ท่าพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้นฝึกขี่ม้า ท่านี้เป็นท่าที่ต้องใช้ทักษะ และผ่านการฝึกฝนการควบคุมม้ามาเป็นอย่างดีแล้ว ท่าวิ่งโขยกเป็นท่าขี่ม้าที่ค่อนข้างท้าทาย โดยผู้ขี่ม้าต้องคอยสังเกตม้าและมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา เริ่มด้วยการจับสายบังเหียนม้าให้มั่นคง แนบน่องขายึดกับตัวม้า ทิ้งน้ำหนักตัวลงไป กำหนดขาข้างที่จะก้าวก่อน จากนั้นกำหนดจังหวะให้ตรงกับการเดินของม้า ก่อนจะเริ่มท่าวิ่งโขยก
• ท่าวิ่งควบ (Gallop)
ท่านี้เป็นท่าขี่ม้าที่ใช้ความเร็วสูงสุดกว่าทุกท่า ต้องมีความชำนาญพอสมควร โดยผู้ขี่ม้าต้องคอยสังเกตม้า และมีสมาธิให้มากที่สุด เริ่มต้นด้วยการจับสายบังเหียนม้าให้มั่นคง กำหนดขาข้างที่จะก้าวก่อน จากนั้นให้ก้าวเท้าอีกข้างมาชิดตรงตำแหน่งของส้นเท้า และทิ้งน้ำหนักลงไปที่เท้านำ และกระตุ้นเตือนให้ม้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ให้เป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง
ประโยชน์ของการขี่ม้า
• เป็นการออกกำลังกายที่ดี สนุกสนานเพลิดเพลิน และมีประสิทธิภาพ เพราะได้ใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายทุกส่วน ทั้งแขนและขา ทำให้ร่างกายและสุขภาพแข็งแรง
• ช่วยปรับบุคลิกภาพ เพราะการขี่ม้าต้องฝึกการบังคับ และควบคุมการทรงตัวให้ดี นั่งหลังตรง ไม่นั่งหลังค่อม ยืดตัวมองตรง เป็นการสร้างบุคลิกภาพที่ดีและสง่างาม
• ช่วยให้มีสมาธิ ฝึกความมีวินัย และรู้จักการควบคุมอารมณ์ มีความอดทนอดกลั้น กล้าตัดสินใจกับปัญหาเฉพาะหน้า กล้าคิด กล้าแสดงออก ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง
การขี่ม้าเป็นกิจกรรมและกีฬา ที่กำลังเป็นเทรนด์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตสนุกๆ ระหว่างท่องเที่ยวของทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะการได้ฝึกขี่ม้าท่ามกลางผืนป่า และธรรมชาติอันงดงาม ที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ที่แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ สถานที่ฝึกขี่ม้าและกิจกรรมเขาใหญ่อื่นๆ ที่ได้รับความนิยม โดยมีผู้ฝึกสอนและผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยเป็นอย่างดี