SHORT CUT
ดราม่า ‘สีกากอล์ฟ’ ไม่ใช่แค่ข่าวฉาวรายบุคคล แต่เป็นภาพสะท้อนวิกฤตศรัทธาที่ลึกซึ้ง สถิติชี้คนรุ่นใหม่ ละทิ้งศาสนาเพิ่มขึ้น สวนทางกับภาพลักษณ์เมืองพุทธ
กระแสวิพากษ์วิจารณ์จากกรณีอื้อฉาวในวงการสงฆ์ครั้งล่าสุด ไม่เพียงสะท้อนวิกฤตศรัทธา แต่ยังเป็นภาพฉายชัดถึงแนวโน้มการเติบโตของประชากรกลุ่มที่ระบุว่าตนเอง "ไม่มีศาสนา" ซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ปรากฏการณ์นี้มีความซับซ้อน "มากกว่าแค่การไม่เชื่อ แต่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของสังคมไทย"
คำว่า "ไม่มีศาสนา" ไม่ได้มีความหมายเดียว แต่ครอบคลุมทัศนคติที่หลากหลาย โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
การเติบโตของกลุ่ม "พุทธในทะเบียนบ้าน" ถือเป็นปรากฏการณ์ที่กัดกร่อนรากฐานของสถาบันศาสนาจากภายใน ทำให้เมื่อเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างข่าวฉาว คนกลุ่มนี้จึงพร้อมจะถอยห่างออกมา
กรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่ปัญหาการเงิน การใช้ชีวิตหรูหรา ไปจนถึงการผิดพระธรรมวินัย ทำหน้าที่เป็น "ปัจจัยผลัก" ที่ทรงพลัง โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารถูกขยายผลอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย
สำหรับคนจำนวนมาก ข่าวฉาวเหล่านี้สร้างสภาวะ "ความขัดแย้งในใจ" ระหว่างอุดมการณ์อันสูงส่งของศาสนากับความเป็นจริงที่เสื่อมทรามของตัวบุคคลในสถาบัน
การเลือกที่จะถอยห่างจาก "สถาบันที่บกพร่อง" จึงกลายเป็นทางออกที่สมเหตุสมผลเพื่อรักษาสิ่งที่พวกเขายังเคารพในเชิงปรัชญาเอาไว้
นอกจากนี้ การที่สถาบันสงฆ์ถูกมองว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโครงสร้างอำนาจรัฐฝ่ายอนุรักษ์นิยม ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่ซึ่งมีแนวคิดสนับสนุนประชาธิปไตยรู้สึกแปลกแยกและเลือกที่จะไม่ผูกพันตนเองกับสถาบัน
ภัยคุกคามที่ลึกซึ้งที่สุดคือการที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้คนสามารถแยกส่วนระหว่าง "พระธรรม" (คำสอน) ออกจาก "พระสงฆ์" (สถาบัน) ได้สำเร็จ
คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงแก่นปรัชญาพุทธ การฝึกสมาธิ หรือแนวทางจริยธรรม ผ่านช่องทางออนไลน์จากทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวัดหรือสถาบันที่พวกเขามองว่ามีปัญหา
ปรากฏการณ์นี้จึงไม่ใช่ "การโจมตีพุทธศาสนา" แต่คือภาพสะท้อนของสังคมไทยยุคใหม่ ที่เรียกร้อง ความโปร่งใสและความรับผิดชอบจากทุกสถาบัน ไม่เว้นแม้แต่สถาบันศาสนา