svasdssvasds

รู้จัก Atheism (อเทวนิยม) ข่าวฉาวสงฆ์ เร่งคลื่น "คนไม่มีศาสนา"

รู้จัก Atheism (อเทวนิยม) ข่าวฉาวสงฆ์ เร่งคลื่น "คนไม่มีศาสนา"

ดราม่า ‘สีกากอล์ฟ’ ไม่ใช่แค่ข่าวฉาวรายบุคคล แต่เป็นภาพสะท้อนวิกฤตศรัทธาที่ลึกซึ้ง สถิติชี้คนรุ่นใหม่ ละทิ้งศาสนาเพิ่มขึ้น สวนทางกับภาพลักษณ์เมืองพุทธ

SHORT CUT

  • วิกฤตศรัทธาจากข่าวฉาวในวงการสงฆ์ ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งสำคัญให้คนรุ่นใหม่ที่เริ่มมีข้อกังขาอยู่แล้ว ตัดสินใจถอยห่างจากศาสนาสถาบันได้ง่ายขึ้น
  • คลื่น ‘ไร้ศาสนา’ ในไทยประกอบด้วยกลุ่มย่อยที่หลากหลาย ทั้งผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า (Atheist), ผู้ไม่แน่ใจ (Agnostic) และกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือ ‘พุทธในทะเบียนบ้าน’ ซึ่งมีความผูกพันเพียงในนาม
  • ปรากฏการณ์นี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่คนรุ่นใหม่เรียกร้องความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความสมเหตุสมผลจากทุกสถาบัน รวมถึงสถาบันศาสนาด้วย

ดราม่า ‘สีกากอล์ฟ’ ไม่ใช่แค่ข่าวฉาวรายบุคคล แต่เป็นภาพสะท้อนวิกฤตศรัทธาที่ลึกซึ้ง สถิติชี้คนรุ่นใหม่ ละทิ้งศาสนาเพิ่มขึ้น สวนทางกับภาพลักษณ์เมืองพุทธ

กระแสวิพากษ์วิจารณ์จากกรณีอื้อฉาวในวงการสงฆ์ครั้งล่าสุด ไม่เพียงสะท้อนวิกฤตศรัทธา แต่ยังเป็นภาพฉายชัดถึงแนวโน้มการเติบโตของประชากรกลุ่มที่ระบุว่าตนเอง "ไม่มีศาสนา" ซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

รู้จัก Atheism (อเทวนิยม) ข่าวฉาวสงฆ์ เร่งคลื่น \"คนไม่มีศาสนา\"

โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ปรากฏการณ์นี้มีความซับซ้อน "มากกว่าแค่การไม่เชื่อ แต่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของสังคมไทย"

ถอดรหัส ‘ไม่มีศาสนา’ ในบริบทคนไทย

คำว่า "ไม่มีศาสนา" ไม่ได้มีความหมายเดียว แต่ครอบคลุมทัศนคติที่หลากหลาย โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้

  • อเทวนิยม (Atheism) : คือกลุ่มผู้ที่เชื่ออย่างหนักแน่นว่าพระเจ้าหรือสิ่งเหนือธรรมชาติไม่มีอยู่จริง โดยยึดหลักเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นที่ตั้ง
  • อไญยนิยม (Agnosticism) : คือกลุ่มที่ไม่ตัดสินว่าพระเจ้ามีอยู่จริงหรือไม่มีจริง โดยมองว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจพิสูจน์หรือหยั่งรู้ได้ จึงเลือกที่จะสงวนท่าที
  • พุทธในทะเบียนบ้าน : เป็นกลุ่มที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดในสังคมไทย คือผู้ที่ระบุตนเองว่าเป็นชาวพุทธตามเอกสารราชการหรือธรรมเนียมครอบครัว แต่ในทางปฏิบัติกลับตรงกันข้าม พวกเขามีความผูกพันทางวัฒนธรรมมากกว่าความศรัทธาอย่างแท้จริง

การเติบโตของกลุ่ม "พุทธในทะเบียนบ้าน" ถือเป็นปรากฏการณ์ที่กัดกร่อนรากฐานของสถาบันศาสนาจากภายใน ทำให้เมื่อเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างข่าวฉาว คนกลุ่มนี้จึงพร้อมจะถอยห่างออกมา

รู้จัก Atheism (อเทวนิยม) ข่าวฉาวสงฆ์ เร่งคลื่น \"คนไม่มีศาสนา\"

กรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่ปัญหาการเงิน การใช้ชีวิตหรูหรา ไปจนถึงการผิดพระธรรมวินัย ทำหน้าที่เป็น "ปัจจัยผลัก" ที่ทรงพลัง โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารถูกขยายผลอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย

สำหรับคนจำนวนมาก ข่าวฉาวเหล่านี้สร้างสภาวะ "ความขัดแย้งในใจ" ระหว่างอุดมการณ์อันสูงส่งของศาสนากับความเป็นจริงที่เสื่อมทรามของตัวบุคคลในสถาบัน

การเลือกที่จะถอยห่างจาก "สถาบันที่บกพร่อง" จึงกลายเป็นทางออกที่สมเหตุสมผลเพื่อรักษาสิ่งที่พวกเขายังเคารพในเชิงปรัชญาเอาไว้

นอกจากนี้ การที่สถาบันสงฆ์ถูกมองว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโครงสร้างอำนาจรัฐฝ่ายอนุรักษ์นิยม ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่ซึ่งมีแนวคิดสนับสนุนประชาธิปไตยรู้สึกแปลกแยกและเลือกที่จะไม่ผูกพันตนเองกับสถาบัน

เมื่อ "พระธรรม" อาจไม่จำเป็นไม่ต้องพึ่ง "พระสงฆ์"

ภัยคุกคามที่ลึกซึ้งที่สุดคือการที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้คนสามารถแยกส่วนระหว่าง "พระธรรม" (คำสอน) ออกจาก "พระสงฆ์" (สถาบัน) ได้สำเร็จ

รู้จัก Atheism (อเทวนิยม) ข่าวฉาวสงฆ์ เร่งคลื่น \"คนไม่มีศาสนา\"

คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงแก่นปรัชญาพุทธ การฝึกสมาธิ หรือแนวทางจริยธรรม ผ่านช่องทางออนไลน์จากทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวัดหรือสถาบันที่พวกเขามองว่ามีปัญหา

ปรากฏการณ์นี้จึงไม่ใช่ "การโจมตีพุทธศาสนา" แต่คือภาพสะท้อนของสังคมไทยยุคใหม่ ที่เรียกร้อง ความโปร่งใสและความรับผิดชอบจากทุกสถาบัน ไม่เว้นแม้แต่สถาบันศาสนา

related