
SHORT CUT
การ 'ทิ้งผ้าเหลือง' ของ 'พระดล' จาก ซีรีส์ สาธุ 2 คือภาพสะท้อนของการก้าวออกจากเซฟโซน เพื่อค้นหา 'อิสระ' ที่ต้องแลกด้วยความจริงที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกไม้
ซีรีส์ สาธุ 2 พาเราไปสำรวจชีวิตของ "พระดล" ผู้ตัดสินใจลาสิกขา ทิ้งสถานะอันเป็นที่เคารพ เพื่อก้าวเข้าสู่โลกฆราวาสที่เต็มไปด้วยความผันผวน การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนอาชีพ แต่คือการประกาศว่า "เส้นทางที่ถูกสังคมเดิมขีดไว้ ไม่ใช่ทางของเขาอีกต่อไป" เรื่องราวของพระดลจึงเป็นมากกว่าแค่การลาสิกขา มันคือภาพสะท้อนของ คนรุ่นใหม่ที่กำลังสับสน และกำลังเผชิญหน้ากับทางแยกในชีวิต ว่าจะเดินต่อในเส้นทางเดิมที่ไม่มีความสุข หรือจะ “เปลี่ยนชีวิต“ ไปเส้นทางใหม่ที่ต้องลงมือสร้างใหม่
การก้าวออกจาก "ที่ที่ปลอดภัย" นั้นมีต้นทุนที่มองไม่เห็นเสมอ การเดินทางของพระดลเผยให้เห็นหลักการทางจิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์ที่ทุกคนต้องเผชิญ
ปัญหาพระดลไม่ใช่แค่เรื่องเงินหรือศรัทธา แต่คือภาวะขัดแย้ง "Identity Crisis" ตามที่ Erik Erikson นักจิตวิทยาพัฒนาการชี้ไว้ว่า ในช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น มนุษย์จะแสวงหา "อัตลักษณ์ที่มั่นคง" พวกเขาจะรู้สึกสับสนในบทบาทของตัวเอง
เมื่อ "การสวมบทบาท" ทำให้เกิดความอึดอัด จนไม่สามารถเป็น "ตัวเอง" ได้อีกต่อไป การทิ้งสถานะเดิมจึงเป็นทางออกเดียว แม้จะต้องเจ็บปวดก็ตาม นี่คือสัญญาณเตือน “หากคุณรู้สึกว่ากดดันหรือฝืนตัวเอง 80% ของเวลาทำงาน นั่นอาจไม่ใช่ที่ของคุณ”
คนส่วนใหญ่มองการลาสิกขาเป็นอิสระ แต่สำหรับ "พระดล" มันคือการตัดสินใจเผชิญหน้ากับความกังวลครั้งใหญ่ เพราะการทิ้งบทบาทพระ ชีวิตมีกิจวัตรที่ชัดเจน มีผู้ดูแล มีสังคมที่เคารพ ความมั่นคงทางจิตใจสูง แต่เมื่อลาสิกขา พระดลต้องเผชิญกับ ความไม่แน่นอน 100% ทันที
“ปั๊บ โปเตโต้” ที่รับบทพระดล เคยออกมาพูดถึงตัวละคร “พระดล” ที่หลงรักโยมเดียร์ว่า “การไปหลงรักน้องเดียร์ ไม่ได้เกิดจากการที่เดียร์เขาทำอะไร แต่เรา (พระดล) เองที่ปรุงแต่งความรู้สึกขึ้นมา ก็เลยทำให้เราคิดไปเองทุกอย่าง เหมือนการที่เราบอกประโยครักออกไป จริงๆมันบอกให้ตัวเองได้ยินมากกว่า เหมือนเราได้เอาออกไปแล้วจริงๆ”
งานวิจัยจาก Daniel Kahneman นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ระบุว่าสมองของเรามักจะมองหา "ทางเลือกที่ง่ายและปลอดภัยที่สุด" แต่พระดลกลับเลือก "ทางเลือกที่ยากที่สุด" คือการสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่จากศูนย์ และต้องเผชิญกับต้นทุนชีวิต
ในหลายองค์กรหรือสถาบัน (รวมถึงสถาบันทางศาสนา) ความสำเร็จมักมาจากการ "สืบทอด" หรือ "คงไว้" ทางตำแหน่งต่อๆกันมา แต่สำหรับพระดลแล้ว ความสำเร็จคือการเลือกสร้างมูลค่าในแบบของตัวเอง แม้จะต้องเริ่มต้นใหม่ในที่แปลกใหม่ และท้าทาย
คุณไม่สามารถใช้ "ความสะดวกสบาย" หรือ "เกียรติยศ" ที่สืบทอดมาไปได้ตลอดชีวิต คุณต้อง "เริ่มต้นสร้าง" มูลค่าของตัวเองขึ้นมาใหม่ ซึ่งต้องใช้ ทักษะ ความพยายาม และ ความมุ่งมั่น เป็นเครื่องมือในการคุณค่าและการยอมรับ
บทเรียนจากเรื่องราวของพระดลสอนให้เรารู้จักและะค้นพบตัวเองด้วยหลักการง่าย ๆ คือ กล้าลงมือทำอย่างกล้าหาญและก้าวออกจาก Comfort Zone วิธีเดียวที่คุณจะรู้ว่าอะไรที่ใช่หรือไม่ใช่สำหรับคุณ คือการ "ลองทำ" ไม่ใช่การ "นั่งคิด" อยู่เฉย ๆ
คุณจะรู้ว่าคุณชอบงานนี้จริงหรือไม่ ก็ต่อเมื่อคุณได้ลองทำงานนั้นจริง ๆ คุณจะรู้ว่าคุณเหมาะกับคนแบบไหน ก็ต่อเมื่อคุณได้ลองใช้เวลาร่วมกับพวกเขา
การลองทำสิ่งใหม่ ๆ แม้จะล้มเหลว ก็ถือเป็นความก้าวหน้า เพราะคุณได้เรียนรู้ว่า สิ่งนี้ไม่ใช่ ซึ่งช่วยให้คุณเข้าใกล้สิ่งที่ใช่มากขึ้น
เมื่อคุณต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ เช่น การเปลี่ยนงาน, การลาออก, หรือการเริ่มต้นใหม่ ลองถามตัวเองว่า "สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ มันคือ ความสบายใจหรือคือความถูกต้อง"
เรื่องราวของพระดลเน้นย้ำถึงความสำคัญในการกล้าที่จะตั้งคำถาม กับกรอบเดิม ๆ และ ลงมือ สร้างการเปลี่ยนแปลง เพราะ "ชีวิตของคุณ คุณเท่านั้นคือเจ้าของ" ยิ่งคุณกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ ๆ มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเข้าใกล้ตัวตนที่แท้จริงของคุณเร็วขึ้นเท่านั้น