ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศและกลุ่มจับตาตรวจสอบอาวุธแห่งสวีเดนระบุว่า นับถึงเดือนมกราคมปีนี้ 9 ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองคือ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน อินเดีย ปากีสถาน อิสราเอล และเกาหลีเหนือ มีหัวรบนิวเคลียร์รวมกัน 14,935 ลูก ลดลงจากปีที่แล้วที่มี 15,395 ลูก การลดลงของจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ถือว่าน่าพึงพอใจ อีกทั้ง 122 ประเทศทั่วโลกเคยลงนามในสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์ที่องค์การสหประชาชาติเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นับเป็นก้าวย่างสำคัญในการนำไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ในระยะยาว
|| ระเบิดนิวเคลียร์ชื่อ"ผู้ชายอ้วน - Fat Man" ที่สหรัฐฯนำไปถล่มญี่ปุ่น ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ||
สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศและกลุ่มจับตาตรวจสอบอาวุธแห่งสวีเดนเผยสถิติที่น่าสนใจว่า ในจำนวน 9 ประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์นั้น มี 4 ประเทศที่พัฒนาและเพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์เพื่อมีไว้ในครอบครองเพิ่มขึ้นนั่นคือ จีน อินเดีย เกาหลีเหนือ และปากีสถาน
จีน อินเดีย และปากีสถานนั้นคำนึงถึงประเด็นความมั่นคงของโลก มีพัฒนาการในทางบวก ปฏิบัติตามสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์ขององค์การสหประชาชาติเพื่อกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ให้หมดไปจากโลก แต่การเคลื่อนไหวการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือถือว่าน่ากลัวที่สุด เพราะมีพัฒนาการในทางลบ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองระหว่างประเทศ และส่งผลกระทบร้ายแรงเป็นลูกโซ่จนเกิดเป็นประเด็นความกังวลระดับโลก
และล่าสุด นายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือ กล่าวนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติว่า รัฐบาลเกาหลีเหนืออาจทำการทดสอบทดสอบนิวเคลียร์ไฮโดรเจนบอมบ์ในมหาสมุทรแปซิฟิกเร็วๆนี้ เพื่อเติมเต็มความฝันของท่านผู้นำคิม จอง อึน ในการใช้มาตรการขั้นสูงสุดตอบโต้สหรัฐฯ