ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. มอบงานและหน้าที่ให้แก่ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 ว่าที่ ผบช.น. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดบช.น. ระดับรอง ผบช.น. - ผกก. เข้าร่วมพิธี จำนวน 150 นาย ภายหลังจากการส่งมอบหมายหน้าที่ผบช.น.และว่าที่ผบช.น. ต่างสวมกอดกันด้วยความชื่นมื่น
ขอบคุณภาพ จากโพสต์ทูเดย์
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ตนกับพล.ต.ท.ชาญเทพ ถือเป็นพี่น้องกันเคยทำงานร่วมกัน รักใคร่ชอบกัน มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ฐานะรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงาน เชื่อว่าพล.ต.ท.ชาญเทพ สามารถทำหน้าที่ผบช.น. ได้ดีทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนและคนกทม. ตนเป็นตำรวจมา 40 ปี 2 ปีเต็มเป็นผบช.น. ขอขอบคุณพี่น้องตำรวจนครบาล ประชาชนและสื่อมวลชนทุกคนอย่างจริงใจ หวังว่าบช.น.ภายใต้การนำของพล.ต.ท.ชาญเทพ จะมั่นคงสงบเรียบร้อย
ด้าน พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า ตำรวจนครบาลมักเป็นแบบอย่างของตำรวจทั้งประเทศ โดยตำรวจทั้งประเทศมีตำรวจนครบาลเป็นแม่แบบ เมื่อตนมาอยู่ไม่ยอมให้ตำรวจทำตัวเกะกะ และต้องทำงานหนักขึ้น ส่วนการมอบหมายนโยบายนั้น จะแถลงอีกครั้งในวันที่ 6 ต.ค. ภายหลังจากที่มีการมอบนโยบายของผบ.ตร. ในวันที่ 4 ต.ค. ตนไม่ใช่คนใหม่ไม่ต้องศึกษางานอะไรมากมาย แต่จะดูแลเรื่องเกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด การแข่งรถ จะต้องรีบดำเนินการต่อจากพล.ต.ท.ศานิตย์ โดยภายใต้คำจำกัดความที่ว่า ทำอย่างไรก็ได้ให้พี่น้องประชาชนมีความสุข มีความปลอดภัยในชีวิต
ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่ง ผบช.น. มีข่าวของพลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร แทบจะทุกวัน บางวัน วันละหลายข่าวหลายคดี เคยมีนักข่าวถามท่านว่า ไม่เหนื่อยหรือ เจ้าของคำถามตอบว่า ขี้เกียจอยู่บ้าน ออกมาทำงานดีกว่า บุรุษท่านนี้มีชื่อเล่นว่าแป๊ะ แต่ในแวดวงตอนนี้ เรียกว่า บิ๊กแป๊ะ ไปเสียแล้ว เขาเกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2499 สมรสแล้ว มีบุตรสาวคือร้อยตำรวจโทฉัตรนภา มหถาวร หรือ หมวดแปลน
พลตำรวจโทศานิตย์จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนอำนวยศิลป์ ระดับปริญญาตรีจาก โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 34 รุ่นเดียวกับพลตำรวจเอกชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ระดับปริญญาโทจาก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และปริญญาโท นิติศาสตรบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปี 2553 พลตำรวจโทศานิตย์ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อยื่นต่อศาลอาญาขออนุมัติออกหมายจับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ จำนวน 17 ราย วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 พลตำรวจโทศานิตย์ขณะมียศเป็น พันตำรวจเอก และดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการปราบปรามได้รับโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการประจำกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด วันที่ 1 ตุลาคม ปีเดียวกันพลตำรวจตรีศานิตย์ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองร้องทุกข์
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 พลตำรวจตรีศานิตย์ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 พลตำรวจตรีศานิตย์ ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1
ต่อมาในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 พลตำรวจตรีศานิตย์ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่บริหารงานด้านป้องกันปราบปราม) พร้อมกับรับตำแหน่งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลอีกตำแหน่งหนึ่งโดยได้รับพระราชทานยศ พลตำรวจโท ในวันเดียวกัน
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ซึ่งในที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์แต่งตั้งให้พลตำรวจโทศานิตย์เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลโดยให้มีผลนับแต่วันที่แต่งตั้งให้รักษาราชการแทน
ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้พลตำรวจโทศานิตย์ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ชื่อของ พ.ต.อ.ศานิตย์ มหถาวร รองผู้บังคับการกองปราบปราม โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืนเมื่อตลบหลังจับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง คากองปราบพร้อมอาวุธปืนหลายกระบอก นอกจากนี้ยังรวบ นายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือ"เคทอง" คนสนิท เสธ.แดง ได้อีกราย หลังจากนั้นก็ตามล้างตามจับคนเสื้อแดงที่ถูกออกหมายจับอีกหลายราย
ท่านศานิตย์ บอกว่า “ตระกูลผมตั้งแต่ คุณทวด คุณปู่ และคุณพ่อ ก็ล้วนรับราชการตำรวจกันทุกคน ผมเห็นว่าตำรวจเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ดูแลความปลอดภัยความสงบเรียบร้อยอำนวยความยุติธรรมและทำประโยชน์ให้ประชาชน ได้” กระทั่งค้นพบ ทฤษฏี “รุกรบจบเร็ว” คือ เป็นคนชอบทำงานเร็ว รีบสืบสวน จับกุม รีบทำสำนวนส่งฟ้อง ตอนที่ยังเป็นหมวดอยู่ที่ จ.แพร่ ขณะนั้นแก๊งตกทองระบาดอย่างหนัก คนร้ายก่อเหตุเกือบทุกวัน ชาวบ้านชาวช่องต่างเดือดร้อนกันเป็นแถว ผมจึงออกหาข่าวและจับกุมได้ไม่นาน จากนั้นก็รีบทำสำนวนส่งฟ้องศาลทันที สักพัก เพื่อนร่วมแก๊ง 5-6 คน ขับรถเก๋งหรูมาที่โรงพัก มาขอเคลียร์กับผู้บังคับบัญชา แล้วเขาก็ถามผมเรื่องคดี ผมบอกปัดนายไปว่าสั่งฟ้องไปแล้ว จากนั้น อีก 2-3 วันพวกนี้ขี่เก๋งที่ซื้อจากเงินที่ก่อกรรมทำเข็ญมาหาผมที่บ้านพักตำรวจหลัง เก่าโทรมๆ ควักเงินสดยื่นให้บอกว่าขอช่วยให้ช่วยล้มคดี ผมรีบไล่พร้อมกับตะคอกกลับไปว่า ”เงินซื้อกูไม่ได้” ต่อมาหนึ่งคนร้ายในแก๊งนี้ที่ผมจับถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี ตั้งแต่นั้นมาแก๊งตกทองก็หายไปเลย นอกจากนี้ ท่านศานิตย์ ยังได้ถูกบันทึกเป็นสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าจับคนร้ายคดีอุกฉกรรจ์ ได้เร็วที่สุด จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทำลายสถิติลงได้ โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2533 จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์คุณยายวัย 60 กว่าปี โดยใช้เวลาปิดคดีนี้ ประมาณกว่า 60 ชั่วโมง รับแจ้งเหตุ 6 โมงเช้า จับคนร้ายได้ บ่ายโมง สอบพยาน 13 ปากในคืนเดียว ก่อนส่งฟ้องศาลทันทีในวันรุ่งขึ้น และวันเดียวกันศาลตัดสินจำคุกคนร้าย 37 ปี
คติทองที่คอยให้กำลังใจทุกในทุกวันทำงาน คือ พระราชดำรัสที่ว่า
“ทุกวงการมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่เราต้องควบคุมคนไม่ดีให้ได้ เหมือนพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผมอยากให้เพื่อนตำรวจยุคสมัยนี้เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น โดยยึดกฎหมาย ความถูกต้อง และคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลัก”
และ “ยืนสู้กับทุกอย่างที่เข้ามา” คือคติประจำใจของอดีต ผบช.น.ท่านนี้ เพราะตำรวจ 99.99 % เป็นคนดี