ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
นอกเหนือจาก “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” จะกลายเป็นฮีโร่ของ “ทัพมัมมี่” หลังซัดจุดโทษท้ายเกมพา “ทีมชาติอิยิปต์” ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เป็นสมัยที่ 3ในประวัติศาสตร์ ก็ยังมีอีกหนึ่งหน้าประวัติที่กำลังจะเกิดขึ้นจากขุนทัพมัมมี่ชุดนี้อีกหนึ่งคนด้วยกัน
เพราะในฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย หนึ่งในนักเตะที่กำลังรอเพียงเวลาเท่านั้น ก็จะกลายเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ใน “เวิลด์คัพ” นั้นคือ “เอสซาม อัล ฮาดารี่” ผู้รักษาประตูจอมเก๋ากัปตันทีมที่รับใช้ชาติมาตั้งแต่ปี 1996 ลงเฝ้าเสาให้ทีมชาติอียิปต์ไปแล้วถึง 156 นัด มากสุดเป็นอันดับ 3 รองจากอันดับ 1 อย่าง “อาเหม็ด ฮาสซาน” ตำนานของทีมที่ลงเล่นไปทั้งหมด 184นัด (1995-2012) และอันดับ 2 “ฮอสซาม ฮาสซาน” ดาวยิงสูงสุดของทีมชาติอียิปต์ 69ประตู จากการรับใช้ชาติ 169นัด
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ “เอสซาม อัล ฮาดารี่” จะกลายเป็นนักเตะที่มีอายุมากสุดในประวัติศาสตร์ ที่ลงเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ด้วยวัย 44ปี ทำลายสถิติของ “ฟาริด มอนดราก้อน” นายทวารระดับตำนานของทีมชาติโคลอมเบีย ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2014 ในการลงเล่นรอบ 8ทีมสุดท้าย ที่บราซิล ด้วยวัย 43ปี กับอีก 3วัน
[caption id="attachment_118297" align="aligncenter" width="606"] ฟาริด มอนดราก้อน(ขวา) นายทวารระดับตำนานของทีมชาติโคลอมเบีย[/caption]
อย่างไรก็ตาม “เอสซาม อัล ฮาดารี่” จะไม่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกด้วยวัย 44 ปีแต่อย่างใด เพราะวันที่ 15 มกราคม 2018 เขาจะอายุครบ 45ปีแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน “นรกไม่ชัง สวรรค์ไม่แกล้ง” เขาจะกลายเป็นนักเตะอายุมากที่สุดด้วยวัย 45ปี บวกๆ ในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
ขอบคุณคลิปจาก Youtube/The Exposer