ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
บอกไว้แล้วว่าที่ดินเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ใครคิด “ฮุบที่” เพื่อเป็นกรรมสิทธิ์หรือประโยชน์แห่งตน “ต้องมีอันเป็นไป” กรณีกรมธนารักษ์ไปเอาที่สาธารณประโยชน์มาเป็นสินทรัพย์ของตน เพื่อประเคนให้เอกชน คือ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เช่าจำนวน 16 ไร่ ทั้งที่ไม่ใช่สินทรัพย์ของตนตามที่ “หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ” และ “สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ช่อง 19” นำเสนอก่อนหน้านี้....
พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์คนใหม่ทำถูกแล้วที่จะยุติสัญญาเช่า และไม่คืนค่าเช่าให้เอกชน เพราะถือว่าเอกชนได้ใช้ประโยชน์จากการดำเนินการที่ผิดพลาดนั้นแล้ว แต่การยุติการเช่าอย่างเดียวคงไม่พอ อธิบดีกรมธนารักษ์ ต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้าราชการในสังกัดคนใด กลุ่มใด กระทำการฮุบที่มาเป็นของกรมโดยมิชอบ เพราะทำให้ประชาชนเสียหายในการไม่ได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี
ผลกระทบต่อการทำการบินของ“บางกอกแอร์เวย์ส” เป็นการด่วนสรุปเกินไปหรือไม่ของเอกชนว่าไม่มีผลกระทบ เพราะถ้าคิดว่าไม่กระทบจริง ทำไมต้องไปเช่าที่ดินบริเวณนั้นถึง 16 ไร่ มันคงไม่ใช่แค่เสียเงินเฉยๆ เพื่อป้องกันคนบุกรุกอย่างแน่นอน
ผู้จะออกมาบอกว่าจะกระทบกับการบินหรือไม่อย่างไร ควรจะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการบินมากกว่า มิใช่คำรับรองของบริษัทเอกชนที่มีส่วนได้เสียต่อคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาไหนๆ จะทำให้เรื่องสนามบินสมุย กระจ่างขึ้น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ควรจะเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนกรณีการออกเอกสารสิทธิมิชอบในเขตสนามบินนี้ ที่คณะกรรมการป.ป.ช.เคยวินิจฉัยไปเมื่อปี 2555 และมีการลงโทษข้าราชการไปแล้ว 4 ราย แต่เหตุไฉนกรมที่ดิน และกระทรวงมหาดไทยยังล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายเรื่องเรียกที่ดินคืนกับเอกชน
จำเป็นต้องตั้งคำถามไปที่ ประทีป กีรติเรขา อธิบดีกรมที่ดินคนปัจจุบัน และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ว่าอะไรถึงทำให้เรื่องเดินช้า หรือใครนั่งทับอะไรอยู่
...............
คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ /หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3315 ระหว่างวันที่ 19-22 พ.ย.2560