svasdssvasds

คู่กรณีตกลงกันได้ ยุติคดี หลอกขายตลาดยอดพิมานพันล้านบาทแล้ว

คู่กรณีตกลงกันได้ ยุติคดี หลอกขายตลาดยอดพิมานพันล้านบาทแล้ว

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

นายจักรพันธ์ ประจวบเหมาะ อายุ 33 ปี นักลงทุนตลาดหลักทรัพย์และนักธุรกิจผู้บริหาร บริษัท เจพี เวิล์ด แอดเวอร์ไทส์ จำกัด(มหาชน) พร้อมทนายความ นายวันชัย แสงสุวรรณ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.อ.คงศักดิ์ เกียรติสุวรรณ์ อัยการศาลทหารกรุงเทพ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนให้เร่งรัดผู้ต้องหา “คดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ , ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันฉ้อโกง” แอบอ้างเบื้องสูงในการทำธุรกิจฉ้อโกงหลอกขายตลาดยอดพิมานให้ส่งฟ้องศาลโดยเร็ว หลังจากที่ผู้ต้องหาอ้างป่วยหลายครั้งทำให้คดีเกิดความล่าช้ามาเป็นปี

ตามที่บริษัท เจพี เวิล์ด แอดเวอร์ไทส์ จำกัด(มหาชน) ได้แจ้งความต่อสน.บางพลัด เพื่อเอาผิดกับ นางศิวพร เกตุสิงห์(ผู้ต้องหาที่ 1) นายธัชชัย หรือ พรชัย ชีนาวุธ(ผู้ต้องหาที่ 2) นายทัตภณ เกิดเกียรขจร(ผู้ต้องหาที่ 3) บริษัท อาร์ จี.จี. อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด(ผู้ต้องหาที่ 4) นางสาวกัลยา เกตุสิงห์(ผู้ต้องหาที่ 5) และ นายปฤษฎางค์ หรือ ปฤษดา สกลผดุงเขตต์(ผู้ต้องหาที่ 6) ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ , ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันฉ้อโกง” เพราะมีการแอบอ้างเบื้องสูงทำธุรกิจ เพื่อให้ได้เงินไป โดยได้หลอกให้นายจักรพันธ์ บริษัท เจพี เวิล์ด แอดเวอร์ไทส์ จำกัด(มหาชน) ลงทุนซื้อขายตลาดยอดพิมาน ที่ปากคลองตลาด ซึ่งผู้เสียหายได้จ่ายค่ามัดจำไป 15 ล้านบาท

ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนสน.บางพลัดได้สอบสวนและมีความเห็นสั่งฟ้องมายังอัยการศาลทหาร ซึ่งทางอัยการศาลทหารได้มีการแจ้งให้ผู้ต้องหามาพบที่สำนักงานอัยการทหาร กรมพระธรรมนูญศาลทหาร แต่ผู้ต้องหาไม่มาพบอ้างป่วยหลายครั้ง ทำให้คดีเกิดความล่าช้า นายจักรพันธ์ ในฐานะตัวแทน บริษัท เจพี เวิล์ด แอดเวอร์ไทส์ จำกัด(มหาชน) จึงได้ยื่นหนังสือถึงอัยการศาลทหารเพื่อเร่งรัดคดีดังกล่าว เพราะได้สืบทราบว่า ไม่ได้ป่วยจริง และยังมีพฤติกรรมฉ้อโกงโดนแจ้งความดำเนินคดีขณะนี้ถึง 4 คดี  โดยอัยการศาลทหารได้นัดให้ผู้ต้องหามาพบเพื่อนำตัวฟ้องครั้งต่อไปในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา 10.00 น.จึงมายื่นหนังสือเร่งรัดให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ต้องหามาพบเพื่อส่งตัวพร้อมฟ้อง

คู่กรณีตกลงกันได้ ยุติคดี หลอกขายตลาดยอดพิมานพันล้านบาทแล้ว

สำหรับคดีฉ้อโกงหลอกขายตลาดยอดพิมานซึ่งมีมูลค่าเป็นพันล้านนั้น นายจักรพันธ์ และบริษัท เจพี เวิล์ด แอดเวอร์ไทส์ จำกัด(มหาชน) ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับ ดร.ศิวพร และพวก รวม 6 คน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2559 ในข้อหา “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ , ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันฉ้อโกง” แอบอ้างเบื้องสูงในการทำธุรกิจ โดยก่อนหน้านี้ นายทัตภณ (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่บริษัทประเมินที่มีลายเส้นของธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกน้องเก่า ดร.ศิวพร เป็นคนแนะนำให้นายจักรพันธ์ รู้จักกับดร.ศิวพร โดยอ้างว่า มีการลงทุนที่น่าสนใจ ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ค. ปี 2559  นายจักรพันธ์ได้ติดต่อพูดคุยกับดร.ศิวพร และมีการมีการตกลงธุรกิจกัน ซึ่งดร.ศิวพรได้พาไปคุยธุรกิจกันที่บ้านพักย่านบางพลัด โดยภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอนิเจอร์หรูราคาแพง และมีภาพของผู้ใหญ่อยู่หลายท่าน ซึ่งดร.ศิวพรอ้างว่า เป็นญาติกับราชวงศ์ ทางนายจักรพันธ์จึงหลงเชื่อ ระหว่างนั้นดร.ศิวพรได้นำเอกสารที่ดิน และกรรมสิทธิ์ครอบครองมาให้ดู และบอกกับนายจักรพันธ์ว่า จะได้ถือหุ้นทั้งหมด 40% ด้านนายจักรพันธ์จึงโอนเงินมัดจำไปก่อน 15,700,000 บาท ซึ่งตลาดยอดพิมานมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท

ซึ่งภายหลังนายเฉลียว ปรีกราน เจ้าของตลาดคนปัจจุบันทราบเรื่อง จึงออกมายืนยันว่าไม่มีนโยบายขายหุ้น และไม่เคยดำเนินการเลย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ปี 2559 นายจักรพันธ์ พร้อมด้วยนายเฉลียว และบุคคลภายในวัง ที่ถูกดร.ศิรพรอ้างว่าเป็นญาติ เดินทางไปหาดร.ศิวพร  ปรากฎว่า ไม่มีใครรู้จักดร.ศิวพร จากนั้นจึงคุยกันเรื่องชำระเงิน แต่ได้รับการปฏิเสธ ส่วนเงินที่ได้รับก่อนหน้านี้ ดร.ศิรพรรับว่า ไม่ได้เอาไปซื้อหุ้น แต่ยืนยันว่าจะชดใช้ ซึ่งล่าสุด ดร.ศิวพรให้เช็คมา แต่พอไปขึ้นเงิน ปรากฎว่าเช็คเด้ง จึงได้ไปแจ้งความกระทั่งเวลาผ่านมา 1 ปี คดีความดังกล่าวก็ยังไม่คืบหน้า

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2561 นายจักรพันธ์ ประจวบเหมาะ ในฐานะผู้เสียหาย ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอลงบันทึกประจำวันในกรณีไม่ประสงค์ดำเนินคดีกับคู่กรณีรายที่ 1-4-5 และ 6 อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากคู่กรณีได้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้วและเป็นที่พอใจของผู้เสียหายแล้ว จึงขอถอนคำร้องทุกข์คดีดังกล่าว โดยในวันที่ลงบันทึกประจำวันนั้น ผู้เสียหายได้คืนเช็คสั่งจ่ายฉบับก่อนหน้านี้ให้กับผู้ถูกกล่าวหา และฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ส่งมอบเช็คเงินสดในจำนวนที่เท่ากันให้ผู้เสียหายไว้เช่นเดียวกัน ขณะที่ทางด้าน พ.ต.ท.ทนงค์ โศภิษฐ์กุล พนักงานสอบสวน สน.บางพลัด รับแจ้งบันทึกประจำวันดังกล่าวและเห็นว่าเป็นคดีความผิดอาญาอันยอมความได้ ตาม ป.อาญามาตรา 348 เมื่อผู้เสียหายไม่ติดใจและประสงค์จะถอนคำร้องทุกข์พนักงานสอบสวนก็ได้ดำเนินการตามที่ร้องขอ ถอนคำร้องคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย

related