svasdssvasds

โรคซึมเศร้า! ประสบการณ์ของหนุ่มเน็ตไอดอล

โรคซึมเศร้า! ประสบการณ์ของหนุ่มเน็ตไอดอล

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @P412K ที่ชื่อ Henmhee ชายหนุ่มวัย 25ปี ที่ผู้ติดตามเกือบ 4 หมื่นคน ได้ทวิตข้อความบอกเล่าถึงประสบการณ์การเป็นโรคซึมเศร้า โดยมีความน่าสนใจถึงเรื่องราวความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้น ใจความว่า สวัสดีครับ ผมคือภาคย์ หรือที่ทุกคนเคยรู้จักกันในชื่อว่า ภาคย์มาครัซ ทวิตนี้คงเหมือนทวิตร้างมานานมาก แต่วันนี้ผมมีเรื่องราวที่ผมอยากจะมาแชร์ให้คนได้อ่าน (ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีใครเห็นไหม) วันนี้ผมไปโรงพยาบาลมาครับ และผมก็ได้รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นโรคซึมเศร้าครับ “ ไม่น่าเชื่อนะครับ สายตลกหรือสายมุกแป้ก ร่าเริงบ้าบอ อย่างผมจะมาอยู่ตรงนี้ได้ อยู่ในจุดที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าร้อยเปอร์เซน ก่อนอื่นผมอยากจะบอกว่าผมขอโทษที่ผมบล็อคทุกคนให้หลุดฟอล และทวิตแต่เรื่องหดหู่มาตลอด ผมคิดว่านั่นก็คงเป็นส่วนหนึ่งของภาวะนี้ เข้าเรื่องเลยนะครับ ผมมีความคิดว่าผมเป็นโรคซึมเศร้ามาตั้งแต่ตอนได้ทำงานที่แรกแล้วครับ เคยทวิตเล่าความทรมานของการทำงานไว้ในทวิต มันแย่มากจนผมเอะใจว่าตัวเองเป็นรึเปล่า แต่ก็ไม่เคยบอกใคร ช่วงนั้นโรคนี้บูมมากๆครับ ช่วงเวลานั้นก็ประมาณ ตุลาคม ปี 2559 ครับ คนรอบข้างหลายๆคนบอกว่ารู้สึกว่าผมเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่ได้เข้ามาพูดกับผม ผมใช้ชีวิตโดยไม่มีความสุขมาตลอดใครตามทวิตผมคงจะเห็นข้อความแย่ๆบ้างเป็นครั้งคราว ผมตกงาน จนได้ทำงานที่ใหม่ แต่ก็ไปได้ไม่สวย ช่วงเวลาเลยผ่านมานานจนกระทั่งปลายปีที่ผ่านมา เป็นช่วงแรกในหลายเดือนที่ผมต้องอยู่คนเดียว ผมรับรู้ถึงหลายๆอย่างที่อยู่ในหัวมันแย่มาก ผมมีความรู้สึกไม่อยากอยู่บ้าน ครอบครัวไปเที่ยวกันผมก็ไม่อยากไปด้วย ผมอยากนอนอยู่ที่หอคนเดียวมากกว่า อยากมีเวลาคิดอะไรกับตัวเอง แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ ผมไม่ได้อยากอยู่หอด้วยซ้ำ จริงๆแล้วผมไม่ได้อยากอยู่ที่ไหนเลย เพราะจิตใจของผมกับการอยู่คนเดียวมันหดหู่เต็มที ช่วงนั้นผมงอแงกับแฟนมาก เพราะผมอยู่คนเดียวไม่ได้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเวลาประมาณ 5-6 วันผมเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ หลายๆความคิดพุ่งมาในหัวผมตอนที่มันเงียบและมืด ผมที่เคยเป็นคนที่นอนหลับง่ายมากๆ เริ่มมีอาการหงุดหงิด กับอาการนอนไม่หลับ ช่วงนั้นมีข่าวของพี่จงฮยอนดังมากครับ มีมาสักพักแล้ว ตอนนั้นผมอ่านข่าวแล้วดาวน์มาก มีคำพูดนึงของพี่จงฮยอนที่ทำให้ผมต้องเอะใจมองตัวเอง ตอนที่พี่จงฮยอนไลฟ์อยู่ แล้วก็พูดว่าตอนนี้ผมอยู่ในภาวะซึมเศร้า ผมรู้สึกอยากผ่านมันไปให้ได้ มันคือคำเดียวกับที่ผมเฝ้าบอกในใจว่าผมอยากผ่านความรู้นี้มันไปให้ได้ทุกวัน ผมเลยมานั่งคิดว่าผมต้องบอกใครสักคนแล้ว และผมก็ได้โพสสเตตัสเฟสบุค ถึงอาการที่ผมเป็นทั้งหมดครับ ผมเปิดพลับบิคไว้โดยที่คิดว่าให้แม่เข้ามาเห็น แม่ไม่ได้เป็นเฟรนด์ในเฟสบุคครับ แต่ว่าผมเชื่อว่าแม่ต้องส่องผมแน่นอน เวลาผ่านไปทุกคนก็เข้ามาให้กำลังใจ มีแว๊บนึงที่แม่พูดขึ้นว่าแม่เห็นนะ สเตตัส แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดมาก ตอนนั้นผมก็เหมือนรอให้แม่เข้าเรื่อง ผมก็เลยบอกว่าผมไม่เป็นอะไร แต่นับตั้งแต่วันที่ผมสงสัยว่าผมเป็น ความรู้สึกแย่ๆ ก็โจมตีผมไม่หยุดตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไร แต่ตอนนี้ผมเห็นความแตกต่างแล้วครับ ตอนนั้นคือช่วงที่ผมไม่รู้ว่าคนรอบข้างเข้าใจผมไหม เพราะแม้แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง ช่วงนั้นมีงานเข้ามาด้วยครับ เป็นงานตัดต่อง่ายๆ แต่ผมกลับใช้เวลาทั้งวันทำมัน เพราะผมไม่มีสมาธิ ไม่มีความคิดอะไรทั้งสิ้น เมื่อผมเสร็จงาน ผมตัดสินใจพูดกับแม่ไปครับว่าผมอยากไป โรงพยาบาลจริงๆ เพราะผมหมดไฟในการทำงาน ไร้เป้าหมาย และไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้เลย แต่แค่ผมพูดประโยคแรก ผมก็ร้องไห้ออกมาจนพูดไม่รู้เรื่อง เชื่อไหมครับ นั่นคือน้ำตาในรอบหลายปี ผมไม่เคยรู้สึกอยากร้องไห้เลย แต่ตอนนั้นผมร้องไห้โผเข้ากอดแม่ สะอึกสะอื้น ผมตกใจมากครับ และตอนนั้นแม่ผมก็เสิร์ชหาโรงพยาบาลต่างๆให้ผมเต็มที่ครับ การร้องไห้มันช่วยได้จริงๆ ผมรู้สึกดีขึ้นมากๆ (แต่จริงๆก็ไม่ได้มากขนาดนั้น) ผมเริ่มมีความรู้ไม่อยากไปหาหมอ เพราะไม่อยากรู้ว่าผมเป็นรึเปล่า ผมบอกแม่ว่าดีขึ้นแล้ว แต่แม่บอกว่าไปหาเถอะแม่ไม่สบายใจ แล้ววันนี้ก็มาถึงครับ ระหว่างทางแม่ผมบอกว่าพ่อบอกว่าจะมาด้วยแต่ไม่ให้บอกผมเพราะพ่อกลัวว่าถ้าพ่อมาไม่ได้ ผมจะเสียใจ พ่อแม่ผมแยกกันอยู่ครับ พ่อผมเป็นรองช้ำเดินได้ไม่กี่ก้าว แต่พ่อก็มาครับ แม่เล่าว่า พอผมเข้าห้องไปพ่อพูดขึ้นมาเลยว่าไม่น่าเชื่อเลยว่าลูกเราจะเป็น จริงครับมันไม่น่าเชื่อจริงๆ ผมก็ไม่อยากเชื่อเลย เพราะผมเป็นคนตลก ร่าเริงสนุกสนาน แต่มาวันนี้มันไม่ใช่แล้วครับ ภายนอกผมอาจจะสนุกสนาน แต่ภายในมันไม่แฮปปี้ด้วยแล้วครับ ผมยังยืนยันคำเดิมว่า แม้แต่ตอนที่ผมหัวเราะข้างในผมมันยังไม่มีความสุข ผมเข้าไปในห้องหมอ หมอถามผมว่า มีอะไรมาปรึกษาหมอครับ ผมอึ้งมากที่ต้องเป็นคนเปิดประเด็นของเรื่องทั้งหมด แต่ผมก็บอกไปว่า ไม่รู้สิผมคิดว่าผมเป็นโรคซึมเศร้า คือจริงๆ ผมไม่รู้ว่าคนที่เค้าเป็นจริงๆอาการมันเป็นยังไงด้วยซ้ำ แล้วหลังจากนั้นก็คุยเรื่องชีวิตกันยาวครับ ผมชอบที่หมอจดทุกสิ่งที่ผมพูดแล้วเอามาเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผลคล้ายจะหาปมของเรื่องราวทั้งหมดซึ่งมันออกมาได้น่าเชื่อถือมากจริงๆครับ หมอบอกว่าสรุปเลยละกันนะ ถ้าคุณอยากรู้ว่าโรคซึมเศร้ามันเป็นยังไง อาการของคุณทั้งหมดนี่แหละเค้าเรียกว่าโรคซึมเศร้า... ตอนนั้นก็บอกเลยว่า ถึงจะเตรียมใจไว้แค่ไหนน้ำตามันก็มาอะครับ แต่ว่าผมไม่ร้องนะ ผมสั่งตัวเองอยู่ข้างในว่าอย่านะ อย่าร้องนะ ผมรู้สึกเหมือนน้ำตามันจะออกมาทางจมูกเลยอะครับ 555 อันนี้น่าจะเพ้อเจ้อแล้ว ฟังทุกอย่างจบ ได้ครบทุกคำตอบ คุณหมอก็ขอคุยกับคุณพ่อ แล้วต่อด้วยแม่ทีละคน หมอถามว่าผมอยากอยู่ในห้องด้วยไหม ผมตอบเลยว่าไม่อยากครับ สำหรับพ่อผมไม่รู้ดีเทลนัก พ่อไม่ยอมบอก แต่ส่วนแม่ก็เล่าให้ผมฟังหลายอย่าง แต่ก็คงไม่หมดเช่นกันครับ แม่บอกว่าเข้าในห้องแม่ถามหมอคำแรกว่าลูกเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆใช่ไหม หมอบอกว่า เป็นแน่นอน 100% แล้วก็เป็นมานานแล้วด้วย แต่ว่าผมเป็นคนมีสติมากที่ยังกล้าที่จะให้แม่เห็นและกล้าที่จะบอกแม่ให้พามาหาหมอ ไม่คิดทำร้ายตัวเอง ผมน่าจะหายจากโรคนี้ใน 6 เดือนครับ หมอมั่นใจ ผมอยากจะฝากข้อคิดไว้อันนึงนะครับ ผมดีใจมากที่ผมกล้าบอกพ่อกับแม่(ทางอ้อม) ทั้งที่จริงๆผมไม่เคยกล้าบอกใครเลยว่าผมคิดว่าผมเป็น ผมได้เห็นความรักการใส่ใจที่พ่อและแม่มีต่อผม รวมถึงทุกคนในครอบครัว มันดีมากจริงๆครับ ส่วนเรื่องต่อจากนี้ผมอยากจะพูดถึงข้อที่ผมถามหมอมาเพราะเป็นข้อกังขาในตัวผมเองว่าผมเป็นจริงๆหรอ เพราะผมเห็นว่าใครๆก็เป็นโรคซึมเศร้าทั้งนั้น 1.โรคซึมเศร้าต่างจากภาวะเศร้าปกติอย่างไร คนปกติ เวลาเศร้าเรื่องอะไรถ้าเรื่องนั้นมันจบไปแล้วผ่านไปแล้วทำใจได้แล้ว มันจะรู้สึกดีขึ้น หมอถามผมว่า ทำไมเรื่องผ่านมาปีครึ่งแล้ว แต่ความหดหู่ใจกับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นเพราะผมเป็นโรคซึมเศร้าครับ อยากให้ลองไปสังเกตกับคนรอบข้างดูนะครับ 2. ความคิดฆ่าตัวตาย ผมบอกหมอตามตรงว่าผมไม่คิดจะทำเลยนะ เรื่องฆ่าตัวตาย เพราะถ้าผมทำพ่อแม่ผมจะอยู่ยังไง ศพของผมก็ต้องเป็นภาระของคนอื่นที่มีชีวิตอยู่ หมอบอกผมว่า ก็นี่ไงล่ะ แค่นี้ก็คิดแล้ว ผมเหมือนนึกขึ้นได้ว่าเออ แค่นี้ก็เป็นการเก็บเรื่องนี้มาฟุ้งซ่านแล้วนี่หว่า ทั้งๆที่ไม่ได้คิดจะทำแท้ๆ ลองสังเกตตัวเองกันดูนะครับ อันนี้ผมเล่าเรื่องของผมเฉยๆ กับคนอื่นจริงๆ ก็น่าต้องเป็นดุลยพินิจของแพทย์นะครับ (ใช้คำถูกป่าวหว่า) 3. ขอเป็นเรื่องเบาสมองนิดนึงละกันนะครับ ตอนที่เคลียร์หมดแล้วผมอยากรู้สึกคลายเครียดมาก ผมเลยถามหมอว่าหมอครับคนเป็นโรคนี้ เค้าจะผอมลงไม่ใช่หรอครับ ทำไมน้ำหนักผมขึ้นมา 24 กิโลกรัมล่ะครับ ในระยะเวลา 1 ปีนั้น ตอนแรกเหมือนหมอจะตอบขำๆ แต่เอาเข้าจริงจุกเลยครับ 4.หมอบอกว่ามันหลายภาวะ แต่ละคนต่างกันไป อย่างผมเนี่ย การกิน กับเล่นเกมส์ (ผมบอกหมอว่าผมติดROV) คือช่วงเวลาแห่งความสุขเดียวที่มี ที่ไม่ได้คิดอะไรเลยใช่ไหม ตอนนั้นผมจุกมากๆเลยครับ เหมือนโดนตบหน้าจริงๆ แต่หมอก็บอกว่า แต่อย่าลืมนะว่ามันปิดความหดหู่ได้แค่ช่วงเวลาหนึ่ง ตอนที่คุณเลิกเล่นเกม คุณก็จะกลับมาหดหู่อีก เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่วิธีแก้ไข ผมถามหมอครับว่ายามันช่วยได้จริงๆหรอ (หมอบอกแม่ว่าผมค่อนข้างต่อต้านแต่หมอเข้าใจ 555) ผมบอกว่าผมไม่ชอบกินยา เลยถาม หมอบอกช่วยได้จริงๆ คุณต้องกินยานะ สัญญากะหมอนะ ผมก็รับปากครับ ออกมาจากห้องหมอ ผมก็พูดกับแม่ว่า มันไม่ได้อะไรเท่าไรเลยนะ (จริงครับผมคิดว่าไม่ว่าคำแนะนำอะไร หรือใครจะบอกว่าเข้าใจ มันไม่มีผลต่อสิ่งที่ผมเผชิญอยู่จริงๆครับ) แต่สิ่งที่ผมเชื่อคือ หมอจะทำให้ผมผ่านช่วงนี้ไได้ครับ ผมเชื่อมากๆ ว่าผมจะต้องหาย ผมอยากเดินต่อไปข้างหน้าครับ หูยใครอ่านมาถึงตรงนี้ได้ ผมจะซึ้งใจมากเลยครับ ตลอดทางกลับบ้านตอนนั้นผมหดหู่มาก น้ำตาผมจะไหล กับคำถามในหัวที่วนเวียนไป ทำไมต้องเป็นผม ทำไมผมต้องเป็น นี่ผมเป็นได้ยังไง หนุ่มร่าเริง ทำคลิปเฮฮาบ้าบอ เล่นมุกห้าบาทสิบบาท หนุ่มจังไรแมน หาอะไรมาเล่นตลอดเวลา มันหมดแล้วครับตอนนี้ มันรวมกลายเป็นหนุ่มที่เป็นโรคซึมเศร้าคนนี้คนเดียวแล้วครับ ซึ่งผมพยายามดึงตัวผมคนเก่ากลับมา ซึ่งมันยากมากจริงๆครับ แต่ก็อีกหกเดือนครับผมว่าผมรอได้ ผมสตรอง ผมสู้ไหว สิ่งที่สำคัญคือวันนี้ผมรู้สึกดีมากๆเลยครับ ที่ได้คุยกับหมอ ได้เจอพ่อเจอแม่ที่มาดูแลใส่ใจผม ได้เห็นคอมเม้นทุกคนที่เป็นห่วงผม แต่ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกดีๆตอนนี้มันจะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน ใครจะไปรู้ผมอาจจะไปล้มตัวลงนอน แล้วดิ่งขึ้นมาก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นผมเลยรู้สึกกลัวนิดๆ อยากให้รีทวิตนี้กันมากๆ ฝากสำหรับคนที่ยังไม่กล้าบอกใคร บอกเถอะครับ แล้วสิ่งที่เรารอจะผ่านมันไปได้ พ่อแม่เรานี่แหละครับที่ช่วยเราผ่านไปได้ ผมโชคดีมากที่มีพ่อแม่ที่เข้าใจ ไม่งั้นทุกอย่างคงสาย ให้ท่านมาอ่านเรื่องของผมก็ได้ครับ ท่านจะได้เห็นว่าผมโชคดีแค่ไหน คุณพ่อคุณแม่ครับ คนที่ไม่มีความสุขหลายคน ยังไม่เศร้าเท่ากับ คนที่มีความสุขแต่ไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้นะครับ ด้วยสารเคมีในสมองบางอย่างที่เราบังคับมันไม่ได้ ทุกอย่างต้องใช้ยาช่วยครับ มันสำคัญมากๆต่อคนคนหนึ่ง ยิ่งเป็นเด็กแล้ว ถ้าเค้าได้รับความใส่ใจ การรักษาอย่างทันท่วงที... ผมคิดว่านั่นอาจจะเติมเต็มบางอย่าง ที่ไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่เป็นความรักความอบอุ่นในครอบครัว ให้ก่อตัวขึ้นในใจก็ได้นะครับ ทำให้เค้ารู้สึกอยากมีชีวิตต่อเพื่อทุกคน เหมือนตอนนี้ที่ผมเป็น ไปหาหมอกันนะครับ :) ผมเป็นโรคซึมเศร้าได้ไง หมอวิเคราะห์ว่า จากการที่ผมเป็นเด็กเรียนดี ค่อนข้างจะท็อปฟอร์ม ทำให้ผมคาดหวังมากครับว่าออกมาทำงานแล้วจะต้องดีเริด (เอาจริงๆอาจารย์ก็ชอบพูดว่าออกมาทำงานนะสบายเพราะผมทำทุกอย่างเลยครับตอนเรียน) แต่!! พอออกมาทำงานจริงสังคมมันแย่มากครับ ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด เอาง่ายๆคือผมเจองานหนัก แบบโคตรหนัก ใครที่เคยอ่านเรื่องงานของผมจะรู้ ผู้ใหญ่รังแก เพื่อนร่วมงานตอแหล เจ้านายหูเบา รับทุกอย่างอยู่คนเดียว ทำให้ผมเกิดอาการ ช็อคสังคม ครับ ขอบคุณนะครับที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอบคุณมากจริงๆครับ ผมอยากจะเป็นทวิตที่คอยให้กำลังใจ ให้คำปรึกษาคนที่เป็นโรคนี้นะครับ ผมคิดว่าผมรู้ว่าคนที่เป็นอยากฟังคำพูดแบบไหน ไม่อยากฟังคำพูดแบบไหน ยังไงผมจะให้กำลังใจคนผ่าน #โรคซึมเศร้า นะครับ หากมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญ จะติเรื่องข้อมูลที่ผมลง ผมยินดีนะครับ เพราะว่าผมก็ลงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆเมื่อเช้า ซึ่งอาจมีจำผิดจำถูก เอามาเล่าใส่คำผิดบ้าง ผมขออภัยมา ร ที่นี้ และพร้อมลบ แก้ไข ครับ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาจะโกหกเพื่อผลประโยชน์ใดจริงๆครับ ค่ารักษาพยาบาล หลายคนคงอยากรู้ ผมไปโรงพยาบาลแถวแบริ่งครับถ้าสนใจจริงๆ ก็ดีเอมมา ผมไม่อยากให้เป็นการโฆษณาเกินไป ราคาของผมคือคุยกับหมอชั่วโมงกว่าๆ ทั้งหมด 3900 บาท รวมค่ายา ยาเยอะอยู่นะครับ โรงพยาบาลดีครับ ผมชอบสถาปัตยกรรมเค้าทำให้ผมรู้สึกสงบ
related