รัฐบาลปาปัวนิวกินีเตรียมปิดช่องทางการเข้าถึงเฟชบุ๊ค สังคมออนไลน์อันดับหนึ่งของโลก เพื่อกวาดล้างข่าวปลอม การเผยแพร่ภาพอนาจาร ถือเป็นประเทศล่าสุด ที่ดำเนินมาตรการแข็งกร้าวกับเฟชบุ๊ค
ด้วยปัญหาการแพร่กระจายของข่าวปลอม บัญชีผู้ใช้ปลอม และภาพอนาจารที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก สังคมออนไลน์อันดับ 1 ของโลก ทำให้ประเทศปาปัวนิวกินี เป็นชาติล่าสุดที่ดำเนินมาตรการกวาดล้างอย่างจริงจัง ด้วยการประกาศเตรียมปิดช่องทางการเข้าใช้เฟซบุ๊กของประชาชนในประเทศเป็นเวลา 1 เดือน
รัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารชี้แจงว่า การปิดช่องทางการเข้าใช้เฟซบุ๊กเป็นเวลา 1 เดือน จะช่วยให้นักวิจัยเข้าตรวจสอบเฟซบุ๊ก และชี้ชัดได้ว่า มีมิจฉาชีพเข้ามาใช้งานหรือไม่ ด้วยเป้าหมายคือ ให้ประชาชนที่เป็นผู้ใช้งานจริงๆ และมีตัวตนพิสูจน์ได้ สามารถใช้สังคมออนไลน์ได้อย่างมีความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารของปาปัวนิวกินียอมรับว่า รัฐบาลเองจะใช้เวลา 1 เดือนที่ปิดเฟชบุ๊คนี้ พิจารณาว่า ประเทศปาปัวนิวกินี ควรหรือไม่ควรมีเฟซบุ๊ก รวมถึงพิจารณาความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสร้างสังคมออนไลน์ของตนเองขึ้นมาใช้ในประเทศ และจะเป็นสังคมออนไลน์ที่ประชาชนใช้ติดต่อผู้คนในต่างแดนได้ด้วย
จนถึงตอนนี้ ยังไม่แน่ชัดว่ารัฐบาลปาปัวนิวกินีจะเริ่มใช้มาตรการปิดเฟชบุ๊คเมื่อไหร่ ขณะที่ บริษัทเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ได้ติดต่อทางการปาปัวนิวกินี เพื่อทำความเข้าใจข้อวิตกที่นำมาสู่การเตรียมสั่งปิดเฟซบุ๊กนี้
อย่างไรก็ดี ในช่วงพักหลังมานี้ เฟซบุ๊กเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากทั่วโลก ถึงกรณีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ กลายเป็นเครื่องมือเพื่อบิดเบือนข้อมูล และถูกกล่าวหาว่าเป็นช่องทางที่ช่วยส่งเสริมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญาในเมียนมาด้วย
[caption id="attachment_273505" align="aligncenter" width="4000"]
ก่อนหน้าปาปัวนิวกินีนั้น ประเทศศรีลังกา ได้ปิดช่องทางการเข้าถึงเฟซบุ๊ก เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อพยายามยับยั้งการเผยแพร่ถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในประเทศ อย่างไรก็ดี แม้ประชากรปาปัวนิวกินี ที่เข้าถึงเฟซบุ๊กและอินเทอร์เน็ตได้นั้น จะมีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าเฟซบุ๊กกำลังได้รับความนิยม โดยมีผู้ใช้กว่า 7 แสนบัญชีทีเดียว