ต้องเรียกว่า คนดอยซ์ หรือชาวเยอรมนี ที่ทำให้พืชสมุนไพร อย่างดอกกล้วย ที่ชาวไทยเรียกว่า ”หัวปลีฟีเวอร์” ขึ้นมา กลายเป็นข่าวดีของชาวสวนกล้วยน้ำว้าที่ราคาไม่กี่บาท ทะยานมามีราคากิโลเป็นพัน
โดยเฉพาะชาววีแกน หรือ Veganism เป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตหลีกเลี่ยงจากอาหารที่ทำจากส่วนประกอบทั้งทางตรงและทางอ้อมของสัตว์ โดยงดอาหารรวมไปถึงการมีส่วนร่วมต่างๆ เรียกว่าเป็นการปฏิเสธเครื่องอุปโภค บริโภคที่เชื่อว่าได้มาจากการทรมานสัตว์
ช่วงนี้การสำรวจตลาดสดต่างๆ เป็นไปอย่างคึกคัก เพื่อดูตัวเลขและปริมาณการขายของหัวปลีนั่นเอง หลังจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ นครแฟรงก์เฟิร์ต ทำรายงานระบุออกมากว่า หัวปลี เป็นทางเลือกใหม่ใช้ประกอบอาหารแทนเนื้อสัตว์
โดยระบุว่า นอกจากขนุนซึ่งเป็นพืชท่ีใช้ประกอบอาหารแทนเนื้อสัตว์ ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ในระยะไม่กี่ปีมานี้ ล่าสุด หัวปลี ที่ชาวเอเชียคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและนามา ประกอบอาหารมาอย่างยาวนาน ได้เริ่มเป็นที่รู้จักและนิยมมากขึ้นในครัวเยอรมัน โดยเฉพาะในกลุ่มวีแกน เนื่องด้วยความเหนียวแน่นของเส้นใยจึงถูกนามาเป็นทางเลือกใช้ปรุงอาหารแทนเน้ือสัตว์ นอกจากน้ันยังมี ข้อดีอีกคือไม่ทำให้อ้วน ให้พลังงาน 17 แคลอรีต่อ 100 กรัมเท่าน้ัน
ในครัวเยอรมัน หัวปลีถูกนำมาประยุกต์ปรุงประกอบอาหารหลากหลายเมนู โดยเฉพาะจานอร่อย อย่าง สลัด ยา หรือแกงกะหรี่ประเภทต่าง ๆ ทั้งนำไปชุบแป้งหรือเกล็ดขนมปังทอดกรอบ เป็นเมนู fish and chips สำหรับกลุ่มวีแกน ในหลายเว็บไซต์ได้ให้ข้อมูลและเผยแพร่สูตรอาหารมากมายจากหัวปลี จนมีแนวโน้มว่าหัวปลีกลายเป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ตามร้านค้าออร์แกนิกและร้านอาหารที่ไม่ใช่ร้านเอเชียเริ่มสนใจไอเดียการทำอาหารจากหัวปลี
นอกจากมีหัวปลีสด ก็ยังมีหัวปลีกระป๋องแช่งน้ำเกลือ สามารถหาซื้อได้ทั้งร้านขายอาหาร หรือแม้แต่ร้านค้าออนไลน์ เหตุหนึ่งเพราะ หัวปลีสดไม่ได้หาซื้อได้ง่ายนัก สนนราคาหัวปลีสด หัวละประมาณ 6-8 ยูโร ตามน้าหนัก (200-300 กรัม) หรือกิโลละประมาณ 25-32 ยูโร หัวปลีกระป๋อง (ยี่ห้อ ชาวเกาะและอร่อยดี) ประมาณ 1.80 – 1.99 ยูโร
เวลานี้ วีแกนฟู้ด เป็นทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ ในมิติกินอาหารทั้งที่ต้องไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตใดๆ