จะถอดหมวกใบไหนดี

หลังปี่กล้องการเลือกตั้งเริ่มประโคม โหมโรงกันคึกคัก ความเคลื่อนไหวทางการเมืองก็เริ่มมีการขยับตัวในหลายด้าน ยิ่งแวดวงการเมือง การเลือกตั้งรอบนี้ของบ้านเรา มีข่าวคาบเกี่ยวกับคนในรัฐบาลปัจจุบันหลายคนรวมไปถึงนายกรัฐมนตรี ความเคลื่อนไหวที่ปรากฎจึงมีออกมามากกว่าเพียงผู้สมัครรับเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว

ทางด้านผู้สมัครรับเลือกตั้ง ก็เคลื่อนไหวหาพื้นที่เวทีกันไป แต่ไม่วายมีคนจากพรรคการเมืองบางส่วนข้ามห้วยมาขย่มเก้าอี้คนในรัฐบาล ทั้ง 4 รัฐมนตรี ทั้งนายกรัฐมนตรี โดนกดดันถามทุกวันกันถ้วนหน้า ว่าเมื่อไหร่จะลาออก....

4 รัฐมนตรีก็ว่ามีงานค้างต่อเนื่องเยอะ ขอนัดหารือกันก่อนว่าจะเอาอย่างไร จะไปเมื่อไหร่ เพราะ กกต.ก็กำหนดวันเลือกตั้ง กำหนดวันรับสมัคร ส.ส. ออกมาชัดเจนแล้ว ถ้ายังอยู่ในตำแหน่งก็ดูจะกระไรอยู่ ไม่เพียงแค่นั้น กฎหมายเลือกตั้งยังกำกับไว้อีกด้วยว่าการรับสมัคร ส.ส. ของพรรคการเมืองนั้น พรรคการเมืองต้องแจ้งรายชื่อผู้ที่ตนเองจะสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีอีกด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับคำถามว่าจะลาออกหรือไม่จากเหล่านักข่าวเกือบแทบจะทุกวัน

ส่วนเหตุผลที่ต้องทิ่มคำถาม "ลาออก" นี้กลับไปหาท่านนายกฯ ก็เพราะ ก่อนหน้านี้ มีพรรคการเมืองที่ออกตัวชัดเจนว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เก้าอี้นายกฯ จึงถูกลากเข้าไปพัวพันกับการเลือกตั้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อีกทั้งหลังพรรคการเมืองออกตัวชัดเจนว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ยังไม่เคยมีความชัดเจนว่าจะเดินบนถนนกรเมืองต่อไปหรือไม่ มีแค่เลี่ยงไปเลี่ยงมา จนถึงขั้นเกิดการสังเคราะห์ข่าวกันต่อมาว่า คนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมืองก็ได้ คำถามเรื่องจะลาออกไหม ก็ดูจาซาๆไป แล้วกลับมาคึกคักกันอีกรอบก็เมื่อ กกต.กำหนดวันรับสมัครและเลือกตั้งชัดเจนนี่เอง

แต่หากจะมองดูสถานะนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ในเวลานี้ มันไม่ใช่เพียงแค่การสวมหมวกนายกรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว แต่หากยังมีหมวก หัวหน้า คสช.ติดพ่วงมาด้วยอีก แถมยังเป็นตำแหน่งพ่วงที่สำคัญ เพราะใช้ขับเคลื่อนอำนาจ ม.44 ที่ทรงอานุภาพอยู่ ดังนั้น หากถามว่านายกรัฐมนตรีจะลาออกเมื่อไหร่ตามที่นายจตุพร พรหมพันธ์เอ่ยถามมานั้น ในทางข่าวคงต้องดูในรายละเอียดกันสักนิดให้เห็นถึงความต่างของหมวกแต่ละไบ เพื่อหาความเป็นไปได้ หรือความน่าจะเป็นในการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์

หมวกนายกรัฐมนตรี หากว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจลาออกจริง ครม.ทั้งคณะก็จะมีอันต้องพ้นสภาพไปด้วยโดยปริยาย ก็ได้แค่นั่งเก้าอี้รักษาการกันไป จนกว่าจะหาคนใหม่มาทำหน้าที่แทนได้ ซึ่งไม่น่าจะหาแล้ว ตามช่วงเวลา แต่การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีผลถึงตำแหน่งหัวหน้า คสช. อำนาจเต็ม ทั้งเรื่องกำลัง และอื่นๆ ก็ยังคงอยู่ในมือเหมือนเช่นเดิม เพราะฉะนั้น ถึงแม้จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็แทบไม่มีความหมาย

ทีนี้หันมามองอีกมุมว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจถอดหมวก หัวหน้า คสช. แบบแมนๆ ชายชาติทหาร แต่ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปบ้างล่ะ อำนาจในมือก็ดูจะหดหายไปเยอะอยู่ทีเดียว แต่การพ้นไปซึ่งตำแหน่งหัวหน้า คสช. ในขณะที่การเลือกตั้งยังไม่เสร็จสิ้น ก็ต้องมีผู้มารับช่วงดูแลแทนต่อไปก่อน ในเวลานี้คงหนี้ไม่พ้น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ที่น่าจะได้เข้ามารับช่วงดูแลไปพลางก่อน ถ้าออกหน้านี้ คงไม่วายที่ฝ่ายตั้งคำถามจะยังคงมองภาพความเชื่อมโยงที่ถึงกันอยู่ ก็ดูไม่เคลียร์อยู่ดี

ส่วนทางเลือกว่าจะลาออกจากทั้งสองตำแหน่งนั้น ไม่น่าใช่ทางออกที่เหมาะสมถึงขั้นต้องหยิบมาพิจารณาในเวลานี้

ก็เหลือทางเดียว ที่ดูว่าจะยังคงรักษาอำนาจและหน้าที่ไปได้จนถึงนาทีสุดท้ายอย่างดูดีที่สุด

นั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องประกาศตนเองชัดเจนว่าจะไม่เล่นการเมือง ไม่รับตำแหน่งใดๆทางการเมืองจากการเลือกตั้ง ลูกผู้ชาย ย่อมรักษาคำพูดเสมอ ออกแบบนี้ คาดว่า ฝ่ายตั้งคำถามแม้จะยังพยายามเฉไฉหาทางแซะต่อ แต่ก็ดูน้ำหนักจะเบาลงไปมากมาย น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่แม้เวลานี้ ก็ยังดูเหมือนเคลือบแคลง และไร้ความชัดเจนอยู่

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ให้หลังวันที่ 8 ก.พ. 62 เงื่อนงำทั้งหลายน่าจะถูกคลี่คลายลงในที่สุดไปเอง ติดตามชมกันต่อไป....