“เมาริซิโอ ซาร์รี” กุนซือชาวอิตาเลียนของ “สิงห์บลูส์” สั่งสต๊าฟฟ์ทีมออกจากล็อคเกอร์รูมแล้วปิดห้องคุยกับผู้เล่น “เชลซี” ทั้งหมดเป็นการส่วนตัวทันที หลังเกมบุกพ่าย “บอร์นมัธ” แบบย่อยยับ 0-4 ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด
เกมประเดิมสนามพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ของ “กอนซาโล อิกวาอิน” ดาวยิงคนใหม่ของ “เชลซี” กลับกลายเป็นฝันร้าย เมื่อ “โจชัว คิง” ยิงให้เจ้าบ้านออกนำตั้งแต่ครึ่งหลังเริ่มเพียงแค่ 2 นาที แล้วทีมเยือนก็เสียกระบวนอย่างหนักจนโดนถล่มยับเยินถึง 0-4
กุนซือชาวอิตาเลียนวัย 60 ปี เข้าห้องแถลงข่าวหลังเกมช้าเกินกว่า 1 ชั่วโมง โดยเจ้าตัวเผยถึงสาเหตุอย่างตรงไปตรงมา ว่ากำลังปิดห้องคุยกับลูกทีมอยู่ ก่อนจะเดินมาห้องแถลงข่าวหลังเกม “ผมต้องการพูดคุยกับพวกเขาเพียงลำพัง ไม่มีคนอื่น อย่างที่ผมเคยพูด ผมต้องเข้าใจให้ได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเล่นครึ่งแรก-ครึ่งหลังต่างกันขนาดนั้น ผมไม่เข้าใจว่าทำไม”
“ผมอยากลองอีกครั้งพรุ่งนี้ เพราะเราต้องแก้ปัญหา เราพูดได้แค่เพียงเสียใจกับแฟนๆ ของเรา แน่นอนว่าทุกนัดเรามีโอกาสแพ้ แต่ไม่ใช่แบบนี้ เราต้องแก้ปัญหากัน เราต้องเข้าใจว่าปัญหาอยู่ตรงไหนให้ได้”
“ฟอร์มแบบนี้ มันเข้าใจได้ยากมาก จากที่ผมเห็นในครึ่งแรก เรายังมีโอกาสจะแก้ปัญหาได้ หลังเสียประตูแรกเรามีเวลาอีก 43 นาที ดังนั้นเรายังแก้ปัญหาได้ แต่ไม่ใช่ด้วยปฎิกิริยาแบบนั้น ดังนั้นสำหรับผมจึงเข้าใจได้ยากมาก”
“ผมพยายามทำความเข้าใจหลังจบเกม ผมพูดกับผู้เล่นทันที แต่กับพวกเขาก็พูดได้ยากเหมือนกันว่าทำไม พรุ่งนี้ผมก็จะลองอีกครั้ง เพราะต้องเข้าใจให้ได้ ผมต้องแก้ปัญหา”
“บอร์นมัธ” กำชัยชนะเหนือ “เชลซี” เป็นครั้งแรกในรอบปี โดยนัดสุดท้ายที่พวกเขาสามารถชนะ “สิงห์บลูส์” คือฟอร์มแบบเดียวกันคือบุกไปถล่ม 3-0 ในวันที่ 31 มกราคม ปี 2018 และนี่คือความพ่ายแพ้ด้วยผลต่างถึง 4 ประตู เป็นครั้งแรกในลีกสูงสุดของ “เชลซี” นับตั้งแต่ที่แพ้ “ลิเวอร์พูล” 1-5 เมื่อปี 1996
ไม่ใช่เพียงเกมรับที่ย่ำแย่เท่านั้น แต่ 13 เกมหลังสุด “เชลซี” ยิงได้เพียง 13 ประตูเท่านั้นรวมทุกรายการ โดย 2 เกมหลังสุด พวกเขามี “กอนซาโล อิกวาอิน” กองหน้าคนใหม่อยู่ในทีมแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำประตูให้กับทีมได้ โดยในเกมเอฟเอ คัพ ที่เปิดบ้านชนะ “เชฟฟิลด์ เวนสเดย์” 3-0 เจ้าตัวยอมสละหน้าที่สังหารจุดโทษให้ “วิลเลียน” ในนาทีที่ 26 ของเกม และเป็นประตูให้ทีมขึ้นนำ
ขอบคุณภาพ Chelsea Football Club