"ศรีสุวรรณ" ยื่นยุบ "พลังประชารัฐ" จัดสัมมนาในพื้นที่รุกป่าวังน้ำเขียว

วันนี้ (24 ก.ค.62) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้พิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐ กรณีจัดสัมมนาในรีสอร์ทที่กำลังเป็นข้อพิพาทเรื่องของการบุกรุกป่าในพื้นที่ป่าวังน้ำเขียว เขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

เพราะพรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายอนุรักษ์ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก และก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ได้ดำเนินการนโยบายทวงคืนผืนป่ามาโดยตลอด อีกทั้งกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือส่งไปยังจังหวัดต่างๆ ว่า ห้ามพนักงานข้าราชการ เข้าพักอาศัยหรือข้างแรมในพื้นที่ที่เป็นรีสอร์ทต่างๆ เหล่านี้

จึงทำให้เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 45 ห้ามพรรคการเมืองหรือสมาชิกพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคไปให้การสนับสนุนส่งเสริมในการทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ

นอกจากนี้ ได้เชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนา ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวว่า ตนเองพร้อมที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่ให้ผ่านการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลไปก่อน ซึ่งเป็นการยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร ยังไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ

การที่พรรคพลังประชารัฐเชิญ พล.อ.ประวิตร ไปกล่าวเปิดการสัมมนาและมีลักษณะการพูดเชิงชี้นำหรือควบคุมพรรคการเมือง ก็เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 28 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองและมาตรา 29 ของ พรบ.พรรคการเมือง ระบุว่าห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาชี้แนะหรือควบคุมพรรคการเมือง

ดังนั้น ข้อความข้างต้น จึงเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกกตที่จะรวบรวมพยานหลักฐานและส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐต่อไป

กกต.คาดรู้ผลเร็ว ปมร้อง “พปชร.”จัดสัมมนารีสอร์ทรุกป่า

ด้าน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึง กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นขอให้พิจารณาเสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชารัฐจากกรณีจัดสัมมนาในรีสอร์ทบุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติ และให้พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีครอบงำพรรค ทั้งที่ยังไม่เป็นสมาชิกพรรค

โดยระบุว่า เพิ่งได้ทราบข่าวว่านายศรีสุวรรณ มายื่นคำร้อง เข้าใจว่ากระบวนการหลังจากนี้ทางสำนักงานก็จะรวบรวมข้อมูลเสนอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองและเลขาธิการกกต. ไปดำเนินการ หากมีความเห็นออกมาอย่างไรก็จะเสนอให้คณะกรรมการ กกต.พิจารณา ถือเป็นไปตามขั้นตอนปกติ และคิดว่าการพิจารณาคงใช้เวลาไม่นานถ้ามีข้อมูลหลักฐานเพียงพอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องใช้เวลานาน