svasdssvasds

ทำอย่างไรให้คิดเหมือนคนมองโลกในแง่ดีและคิดบวกได้ต่อไป

ทำอย่างไรให้คิดเหมือนคนมองโลกในแง่ดีและคิดบวกได้ต่อไป

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

“พลังคิดบวก” เป็นแนวความคิดยอดนิยมในยุคนี้ แม้บางทีเราจะรู้สึกว่ามันฟังดูซ้ำซาก แต่ก็มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายแสดงให้เห็นประโยชน์ทางจิตใจและทางกายภาพของการคิดบวก คงามคิดเชิงบวกทำให้คนมีความมั่นใจมากขึ้น อารมณ์ดีขึ้น และลดความเสี่ยงการโรคความดันโลหิตสูง และโรงที่เกี่ยวกับึวามเครียดทั้งหลาย

แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนมองโลกในง่ดีโดยธรรมชาติ เรามีหลักการเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณลองทำ ทำอย่างไรให้คิดเหมือนคนมองโลกในแง่ดีและทำอย่างไรให้คุณยังคงคิดบวกได้ต่อไป

เริ่มต้นวันด้วยการบอกตัวเองว่าจะคิดบวก

การเริ่มต้นวันเป็นการเซ็ตอารมณ์ของวันนั้นๆ นึกถึงวันที่คุณตื่นสายตาลนตาลานแต่หัววัน แล้วสุดท้ายรู้สึกว่าวันนั้นไม่มีอะไรดีเลย นั่นอาจเป็นเพราะคุณเริ่มต้นวันด้วยความรู้สึกไม่ดี ด้วยมุมมองด้านลบ และความรู้สึกนั้นยังคงอยู่ต่อเนื่องไปกับทุกสถานการณ์ที่คนต้องเผชิญ แทนที่จะปล่อยให้ความรู้สึกแง่ลบครอบงำ จงเริ่มวันด้วยการบอกตัวเองว่าจะคิดบวก แม้ว่ามันอาจฟังดูติงต๊อง แต่ลองบอกตัวเองในกระจกว่า “วันนี้จะเป็นวันที่ดี” หรือ “วันนี้ ฉันจะดีเลิศ” คุณจะประหลาดใจกับความเปลี่ยนแปลง

ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ดี แม้ว่าจะเป็นแค่อะไรเล็กน้อย

จะมีสักกี่คนที่ทุกวันเป็นวันที่ “เพอร์เฟค” ในแต่ละวัน ย่อมมีเรื่องที่เป็นอุปสรรคน้อยใหญ่มากมายเกิดขึ้น เมื่อคุณพบกับความท้าทาย ลองมองหาประโยชน์ที่คุณได้จากมัน ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหน เช่นคุณติดอยู่บนถนน ผจญกับสภาพจราจรมหาโหด ลองคิดว่าทำให้คุณมีเวลาได้ฟังรายการวิทยุที่ชอบ หรือถ้ารายการอาหารที่คุณอยากทานหมด ลองคิดว่าเป็นโอกาสดีให้คุณลองอาหารจานอื่น

พยายามหามุมขบขันจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่

ปล่อยให้ตัวเองได้ขบขันแม้ว่าจะเป็นวันที่แย่ที่สุด เตือนตัวเองว่าแม้เป็นวันที่แย่ แต่เดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นเรื่องเล่าที่ตลกได้ทีหลัง อย่างเช่นถ้าคุณถูกจ้างออก ลองสร้างสรรค์วันทำงานวันสุดท้ายที่ไร้สาระที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ หรือลองคิดว่างานแปลกๆอะไรที่คุณอาจจะไปลองทำหลังจากนี้

เปลี่ยนความผิดพลาดให้เป็นบทเรียน

ไม่มีใครเพอร์เฟค คนเราต้องมีผิดพลาดบ้าง ผิดพลายหลายครั้ง กับงานหลายงาน กับคนหลายคน แทนที่จะมานั่งนึกว่าคุณผิดพลาดได้อย่างไร ลองคิดว่าคุณจะทำอะไรในครั้งต่อไปดีกว่า เปลี่ยนความผิดพลาดให้เป็นบทเรียน

เปลี่ยนการคุยเชิงลบกับตัวเองเป็นการคุยเชิงบวก

ความคิดแง่ลบนั้นคืบคลานเข้ามาในสมองคุณได้อย่างเงียบเชียบ รวดเร็ว และไม่ค่อยรู้ตัว คุณอาจคิดว่า “ฉันไม่เก่งเรื่องนี้เอาเสียเลย” หรือ “ฉันไม่ควรลองทำสิ่งนี้เลย” แต่ความคิดเหล่านี้จะกลายเป็นความรู้สึกภายในใจ และอาจติดอยู่จนกลายเป็นกรอบความคิดที่คุณมีต่อตัวเอง เมื่อคุณรู้สึกตัวว่ากำลังพูดแง่ลบกับตัวเอง หยุดซะ แล้วพยายามทดแทนด้วยความคิดด้านบวก อย่างเช่น “ฉันทำสิ่งนี้ได้แย่มากๆ” เปลี่ยนเป็น “ถ้าฉันฝึกฝนบ่อยๆ ฉันจะเก่งกว่านี้มาก” หรือจาก “ฉันไม่น่าลองทำสิ่งนี้เลย” เป็น “สิ่งนี้ไม่เป็นไปตามที่คิด คราวหน้าลองอย่างอื่น”

อยู่กับปัจจุบัน

ปัจจุบันที่ว่า ไม่ใช่วันนี้ ชั่วโมงนี้ แต่หมายถึง ณ วินาทีนี้ คุณอาจถูกเจ้านายเกรี้ยวกราด แต่ในวินาทีนี้ อะไรคือสิ่งที่แย่ที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่เขาพูด 5 นาทีที่แล้ว และก็ไม่ต้องไปคิดว่าเขาอาจจะพูดอะไรในอีก 5 นาทีข้างหน้า จงอยู่กับปัจจุบัน ณ เวลานั้น ความคิดด้านลบส่วนใหญ่มาจากความทรงจำของสถานการณ์ล่าสุด หรือการจินตนาการสิ่งที่อาจเกิดขึ้นเกินความเป็นจริง จงอยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องคิดล่วงหน้าไว้ก่อนว่าเดี๋ยวจะเกิดอะไร

หาเพื่อนที่เป็นคนคิดบวก

เมื่อคุณล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่คิดบวก คุณจะได้ยินเรื่องดีๆ มุมมองดีๆ คำพูดเชิงบวกเหล่านี้จะส่งผลกับวิธีการคิดของคุณ และแน่อนว่าส่งผลไปถึงการพูดของคุณด้วย บางที การหาคนมองโลกในแง่บวกไว้ใกล้ๆตัวอาจเป็นเรื่องยากในบางสถานการณ์ แต่คุณก็ต้องพยายามจำกัดอะไรลบๆออกไปก่อนที่มันจะกลืนกินชีวิตของคุณ ลองพยายามทำอะไรที่จะช่วยให้คนอื่นมองโลกในแง่ดีมากขึ้น และปล่อยให้การมองโลกในแง่ดีของคนอื่นส่งผลด้านบวกกับคุณด้วย

 

ที่มา success.com

related