ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
คดีฆาตกรรมใหญ่ส่งท้ายปี "สมคิด พุ่มพวง" กับฉายาโหดน่าหวาดกลัว "ฆาตกรต่อเนื่อง" หลังก่อเหตุซ้ำฆ่าแม่บ้านโรงแรม ในพื้นที่อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เหยื่อรายที่ 6 ซึ่งภาพที่ถูกพูดถึงอย่างหนักคือ "รอยยิ้มมือสังหาร" ขณะถูกควบคุมตัวท่ามกลางตำรวจระดับสูง และจนท.ติดอาวุธรายล้อมหนาแน่น
ภาพรอยยิ้มของ สมคิด พุ่มพวง หรือ คิด เดอะริปเปอร์ วัย 55 ปี ถูกตั้งคำถามถึงความรู้ผิดชอบชั่วดีต่อเหยื่อ 6 ราย ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อกระบวนการคิดของฆาตกรรายนี้ ซึ่งสีหน้าที่ควรจะเป็นคือภาวะความเครียดถาโถม ความกลัว หรือกังวล เพราะโทษที่สังคมพิจารณาให้เสร็จสรรพคือประหารชีวิตสถานเดียว
ในขณะที่ชาวเน็ตวิจารณ์ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดูไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งเลวร้ายที่กระทำ ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ไม่สามารถตีความได้ว่าอิริยาบถดังกล่าว "สมคิดไม่เครียด" เพราะจากข้อมูลการตรวจร่างกาย นายสมคิดมีความดันแตะเกือบ 200 มม.ปรอท ที่ทางการแพทย์อธิบายไว้ว่าเกิดจากความตื้นเต้น ตระหนก ซึ่งไม่ใช่ภาวะปกติของร่างกายมนุษย์แน่นอน
อีกอย่างคือการควบคุมตัวผู้ต้องหายังอยู่ในขั้นตอนเบื้อนต้น ซึ่งตำรวจในภาพมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของผู้ต้องหาตามกฎหมายคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้คือการนำตัวนายสมคิดส่งฟ้องศาลพิจารณาโทษ จึงไม่สามารถตีความได้ว่าการยิ้มหัวเราะของสมคิดเกิดจากจิตใจที่ไม่สำนึกผิด หรือเป็นการพูดคุยให้เกิดความผ่อนคลายเชิงกลยุทธ์ของตำรวจต่อผู้ต้องหา
ในเชิงการรับรู้มันถูกต้องว่า สมคิด พุ่มพวง ฆาตกรรมเพื่อนมนุษย์มาทั้งสิ้น 6 ศพ แต่หากคลี่ดูประวัติคดีก่อนหน้าเกิดขึ้นในช่วง 30 ม.ค. 48 - 21 มิ.ย. 48 เท่ากับระยะเวลาแค่ 1 เดือนฆ่าไป 5 ราย และพฤติการณ์ก็คล้ายคลึงคือเน้นเพศหญิง หลอกไปในที่ลับ และ ฆ่าชิงทรัพย์ เพื่อนำเงินที่ได้ไปซื้อบริการ หรือหลอกเหยื่อรายต่อไปเป็นทอดๆ ก่อนมาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 48 และถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
กลับกัน สมคิด พุ่มพวง ครั้งอยู่ในในเรือนจำไม่ได้เป็นชายโหดเหี้ยม อันธพาล เขาคือชายวัยกลางคนผู้สุขุม มีพฤติกรรมดีเยี่ยม ช่วยเหลืองานเรือนจำ และเป็นมิตรกับผู้คุม และสุดท้ายจากความประพฤติดี เรียบร้อย จนได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ก็ได้รับการลดโทษตามกระบวนการทางกฎหมาย จนพ้นโทษ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2562 หลังใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำนาน 14 ปี
ทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าสมคิดไม่ได้เป็นอันตรายขนาดนั้นหากอยู่ในที่ชุมชนท่ามกลางผู้คน แต่เขาอาศัยเล่ห์เหลี่ยมหว่ามล้อมเหยื่อ โดยเน้นแค่เหยื่อเฉพาะที่เป็น "ผู้หญิง" และสร้างความเป็นไปได้ที่เหยื่อจะไปอยู่กับเขา 2 ต่อ 2 เท่านั้นถึงจะลงมือ สุดท้ายแม้ยังไม่มีการฟันธงอาการทางจิตแต่คนอย่าง "สมคิด" ควรค่าแก่การศึกษา "ชุดกระบวนการคิด" เพื่อป้องกัน "มาตกรรายใหม่" ที่มีลักษณะคล้ายคลึง และอาจเกิดขึ้นในสังคมต่อจากนี้มากกว่า