svasdssvasds

อินเด็กซ์ครีเอทีฟวิลเลจเปิดกลยุทธ์ปี 2564ติดอาวุธลับคนทำมาร์เก็ตติ้ง

อินเด็กซ์ครีเอทีฟวิลเลจเปิดกลยุทธ์ปี 2564ติดอาวุธลับคนทำมาร์เก็ตติ้ง

อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เผยรายได้รวมปี 2563 ปิดที่ 460 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 69% ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,400 ล้านบาท พร้อมเปิดแผนปี 2564 เปลี่ยนแผนเปิดตัวกลยุทธ์ “Creating For Now” สร้างธุรกิจเพื่อปัจจุบัน วางแผนระยะสั้น 6 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงธุรกิจ เน้นย้ำธุรกิจต้องเปลี่ยนให้ทัน

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน บริษัท ครีเอทีฟ อีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า “ธุรกิจอีเวนต์มีความอ่อนไหวมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ลูกค้าจะตัดงบก่อนซึ่งปีนี้ผู้ประกอบการไม่ได้ทำอีเวนต์ งานทั้งหมดถูกเลื่อน และยกเลิกเกือบ 100% ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงมิถุนายน โดยในเดือนกรกฎาคมเราเริ่มพลิกวงการบันเทิงด้วยการจัด Hybrid Concert ครั้งแรกของประเทศไทย

ซึ่งปกติในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจอีเวนต์ จากเดิมที่สถานการณ์เลวร้ายอยู่แล้ว และมีความเสี่ยงในการเกิดโควิดระลอก 2 ตบท้ายด้วยการชุมนุมประท้วง ถือเป็นตัวเร่งให้ตลาดเลวร้ายขึ้นอีก เพราะมีผล  ในเชิงจิตวิทยาและด้านการตลาด รวมถึงการจัดงานบันเทิง งานแฟร์ต่างๆ ทั้งระบบมีมูลค่าร่วม 3 แสนล้านบาท มีคนทำงานในซัพพลายเชนมากมายมหาศาล ส่วนอีเวนท์มาร์เก็ตติ้ง มีมูลค่าราว 1.4 หมื่นล้านบาท ปีนี้คาดสูญเม็ดเงิน 60% และหากการชุมนุมยืดเยื้อ คาดว่าจะกระทบการจ้างงานหลักแสนจากปัจจุบันมีคนตกงานนับล้านคน

โดยผลการดำเนินงานในปี 2563 ได้รับผลกระทบหนักจากพิษโควิด-19 มาตรการล็อกดาวน์ และการประกาศเคอร์ฟิว ส่งให้ผลประกอบการของบริษัทในปี 2563 อยู่ที่ 460 ล้านบาท  ลดลงจากปีก่อน 69% ซึ่งมาจากสัดส่วน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1.กลุ่มครีเอทีฟบิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์ (Creative Business Development ลดลง 37% 2. กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Service) ลดลง 78.4% และ 3. กลุ่มโอน-โปรเจค (Own-Project) ลดลง 45%  เมื่อเทียบกับปีที่ก่อน

นายเกรียงไกร  กล่าวเพิ่มเติมว่า “ช่วงโควิดบริษัทปั้นธุรกิจใหม่มากมาย ทั้ง Kill & Klean แฟรนไชส์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ซึ่งมีจำนวนแฟรนไชส์ทั้งหมด 25 แฟรนไชส์ ขยายไปยัง 6 ประเทศ 28 เมือง, การประมูลสินค้าออนไลน์ “คืนปล่อยของ”,เวทีคอนเสิร์ตคืนรอยยิ้ม โดยใช้โมเดล “Friendship Economy”,   ANYA MEDITEC ที่ปรับโฉมโรงแรมเป็นโรงพยาบาล ซึ่งตอนนี้เรามี Partner ทั้งหมด 5 โรงแรม ได้แก่ Peninsula Hotel Bangkok, Staybridge Suites Bangkok Thonglor, Chatrium Hotel Riverside Bangkok Royal Cliff Beach Pattaya และศิริปันนาวิลล่า รีสอร์ท เชียงใหม่ ล่าสุดเปิดตัว “House of Illumination” ศิลปะดิจิทัลทีใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ เซ็นทรัลแกลอรี ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ จัดระหว่างวันที่ 28 ต.ค. 2563 -   28 ต.ค. 2565

ทั้งนี้แผนของอินเด็กซ์ฯ จากนี้ในปี 2564 จะรุกธุรกิจในส่วนของน็อนอีเวนต์ (NON-EVENT)  มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบของ Own Project โดยไฮไลท์ปีหน้า จะเน้นจับตลาดท่องเที่ยว การสร้างแลนด์มาร์คใหม่ๆ ในเมืองรอง อีกส่วนมุ่งเจาะธุรกิจด้าน “Healthcare” เพื่อตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรง       อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือให้ธุรกิจอื่นๆ “ฟื้นตัว” และเติบโตไปด้วยกัน เตรียมส่งโปรเจกต์ สร้างสรรค์ Illumination  ที่สร้างความสดและใหม่ให้กับวงการทันที ด้วยพื้นฐานหลักของความคิดสร้างสรรค์ เพื่อต่อยอดงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตลอดทั้งปี

เริ่มจากงานแสดงไลท์เฟสติวัล Village of Illumination ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย   วันที่ 1 ม.ค. 2564 -14 ก.พ. 2564,  งานแสดงประติมากรรมไฟสุดยิ่งใหญ่  ครั้งแรกในภาคอีสาน วันที่ 7- 21 ก.พ. 2564 จังหวัดอุดรธานี ,เมืองโบราณเทศกาลฤดูร้อนยามค่ำคืน 19 มี.ค.-18 เมษา 2564, MOCA PROJECT วันที่ 1 พ.ค. - 31 ก.ค. 2564, และเทรดแฟร์ในต่างประเทศ ได้แก่ Myanmar Food Bev , Myanmar Retail Sourcing Expo, Myanmar Build & Deco วันที่ 30 ก.ย.- 2 ต.ค. 2564 และ Cambodia Architect & Décor, Cambodia Health and Beauty Expo วันที่ 25 -27 พ.ย. 2564

นอกจากนี้ ยังมีการก่อสร้างไทยแลนด์พาวิลเลียน ในงาน World Expo 2020 Dubai ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2564 - 31 มี.ค. 2565 ปัจจุบันโครงสร้างหลักของอาคารเสร็จสมบูรณ์ 100% ยังคงเหลือในส่วนของงานสถาปัตยกรรม และระบบวิศวกรรม ซึ่งตั้งเป้าหมายธุรกิจใหม่ Creative Business Development มีสัดส่วนรายได้ไม่ต่ำกว่า 30% พร้อมปรับสัดส่วน Own Project  เพิ่มขึ้นเป็น 30 %  และลดสัดส่วนรายได้หลักมาจากอีเวนท์มาร์เก็ตติ้ง หรือ Marketing service เป็น 40% ทำให้มี Backlog อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท”

พร้อมกันนี้ได้เผยแนวโน้มของเทรนด์ในส่วนอีเว้นท์มาเก็ตติ้งปีหน้า 2564 นั้นถ้าใครอยู่ในธุรกิจเดิมรอวันตายอย่างเดียว หากวันที่สายป่านใครยาวกว่ากัน ถ้าสายป่านหมดก็จบ การปรับตัวของเราไม่ใช่แค่เพื่อให้อยู่รอด แต่มองสร้างรายได้ระยะยาวด้วยนั่นคือ “Creating For Now” นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวทิ้งท้าย

 

 

related