เผยไทม์ไลน์ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก่อนติดโควิด-19

จากกรณีที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคมนาคม ติดโควิด-19 แต่ยังไม่มีการเปิดเผยไทม์ไลน์ส่วนตัวนอกเวลาราชการ ก่อนติดโควิด-19 ส่วนไทม์ไลน์ในการปฏิบัติหน้าที่ในช่วง 14 วันก่อนตรวจพบเชื้อ มีดังนี้

24 มีนาคม

พบกับนายอัลลัน แมคคินนอน เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ที่เข้าพบเพื่อเยี่ยมคารวะและหารือ ที่ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม

25 มีนาคม

ยกเลิกการประชุมที่กระทรวงคมนาคม และเข้าพบหมอกายภาพ ที่โรงพยาบาลพระราม 9

26 มีนาคม

เป็นประธานเปิดทดลองเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง ณ สถานีกลางบางซื่อ

27 - 28 มีนาคม

ไม่มีข้อมูล

29 มีนาคม

เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาการก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา) จำนวน 3 สัญญา ณ กระทรวงคมนาคม

เข้าพบ นายยอน ทัวร์กอร์ด เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย ที่กระทรวงคมนาคม ในช่วงบ่าย

30 มีนาคม

เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล และเข้ามาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อประชุมหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดของกระทรวงคมนาคม

31 มีนาคม

เป็นประธานในการประชุมเพื่อเตรียมการรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ที่กระทรวงคมนาคม และไปร่วมงานศพ ที่ วัดโสมนัส​ราชวรวิหาร​

1 เมษายน

ประชุมคณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางบก ที่กระทรวงคมนาคม  และเปิดงานคิกออฟบังคับใช้ความเร็วสูงสุดใหม่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถนนสายเอเชีย (ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน - ทางต่างระดับอ่างทอง) ช่วงกม.4+100 – กม. 50+000 ทั้งขาเข้าและขาออก ระยะทาง 45.9 กม.  ที่หมวดทางหลวงบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

2 - 5 เมษายน

ไม่มีข้อมูล

6 เมษายน

ร่วมงานทำบุญพรรคภูมิใจไทยที่สำนักงานพรรค ถ.พหลโยธินก่อนเดินทางไป จ.บุรีรัมย์ เพื่อร่วมงานถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

ต่อมาทราบว่ามีทีมงานหน้าห้องติดโควิด-19 จึงเดินทางไปตรวจหาเชื้อ และกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

7 เมษายน

ผลตรวจออกมาว่าติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์

ซึ่งจากการนายศักดิ์สยาม ยังไม่เปิดเผยไทม์ไลน์ส่วนตัว นอกเวลาราชการ ก็ก่อให้เกิดความกังวลว่า อาจจะทำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่เดียวกับนายศักดิ์สยาม ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยง จึงไม่อาจปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ และอาจส่งผลให้การติดเชื้อขยายวงกว้างขึ้นได้