svasdssvasds

WHO เตือนอย่าหาทำ ! ฉีดวัคซีนผสมสูตร ไร้ข้อมูลรองรับผลกระทบด้านสุขภาพ

WHO เตือนอย่าหาทำ ! ฉีดวัคซีนผสมสูตร ไร้ข้อมูลรองรับผลกระทบด้านสุขภาพ

WHO เรียกร้องประเทศร่ำรวยช่วยบริจาควัคซีนโควิดพร้อมเตือนให้หลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนผสมสูตร ขณะหัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ระบุจะเป็นการก่อแนวโน้มที่อันตราย เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพในการฉีดวัคซีนผสมสูตร

นายแพทย์เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยบริจาควัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้แก่ประเทศยากจน แทนที่จะเดินหน้าทำการฉีดวัคซีนกระตุ้น (Booster) ซึ่งยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนแนวคิดที่ว่า การฉีดเข็มที่ 3 คือสิ่งจำเป็นในเวลานี้

who นอกจากนี้ข้อมูลปัจจุบันแสดงให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนครบโดสจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต้านการอาการป่วยโควิด-19 ที่รุนแรงและถึงแก่ชีวิตให้แก่ตัวผู้รับไปได้อีกนาน เพราะฉะนั้น ความจำเป็นเร่งด่วนในตอนนี้ต้องเป็นการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดแม้แต่เข็มเดียวมากกว่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม สู้ไวรัสได้ 30 วัน ไม่พบบุคลากรด่านหน้าติดโควิดระยะแรก

เช็กรายชื่อชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน Rapid Antigen Test ที่ อย. รับรอง

"หมอยง" ลั่นยังมุ่งมั่นทำวิจัยฉีดวัคซีนสลับชนิด รับเคยท้อใจหลายครั้ง

ด้าน ดร.โสมญา สวามินาธาน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก ได้ออกโรงเตือนนานาประเทศทั่วโลกว่า ไม่ควรฉีดวัคซีนโควิดที่ผสมสูตรให้กับประชาชน เนื่องจากจะเป็นการก่อให้เกิด ‘กระแส (เทรนด์) อันตราย’ เพราะยังไม่มีข้อมูลรองรับเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพในการดำเนินการดังกล่าว

โดย ดร.โสมญา กล่าวว่า การให้พลเรือนมีโอกาสที่จะเลือกได้ว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 หรือ 3 หรือ 4 ได้เมื่อใดและจะใช้วัคซีนของผู้ผลิตรายใด จะกลายเป็นความเสี่ยงทำให้สถานการณ์ในบางประเทศกลายเป็นความวุ่นวายมากขึ้นได้

สิ่งสำคัญในเวลานี้คือต้องให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพราะจากรายงานอาการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดที่ส่งมาจากทั่วโลก รวมถึงสายพันธุ์เดลตาที่ทำให้การระบาดรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนยังมีโอกาสติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้จริง แต่วัคซีนก็ป้องกันร่างกายของคนที่ฉีดไม่ให้รับความเสียหายจากอาการเจ็บป่วยรุนแรง และส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย หรือแทบไม่มีอาการใดๆ เลย เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว นอกจากจะไม่ได้แสดงอาการใดๆ เมื่อได้รับเชื้อแล้ว ผลการศึกษาวิจัยบางฉบับในเบื้องต้น ยังพบอีกว่าไวรัสในร่างกายของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนยังเกิดขึ้นได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับการฉีด ซึ่งหมายความว่า คนที่ฉีดวัคซีนแล้วจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นพาหะนำไวรัสไปติดยังคนอื่นๆ เพราะฉะนั้น การฉีดวัคซีนจึงมีผลต่อการลดความเสี่ยงและลดอัตราการแพร่ระบาดได้

 

นอกจากนี้ ดร.ออกมาทวิตส่วนตัวสิ่งที่ตัวเองพูดอีกครั้ง ว่า ปชช.ไม่ควรจะตัดสินใจผสมด้วยตัวเองแต่เป็นหน้าที่ของหน่วยงานด้านสธ.ที่จะเป็นฝ่ายเลือกบนพื้นมางของข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันข้อมูลเกื่ยวกับการผสมวัคซีนยังอยู่ในขั้นตอนของการประเมินผล ทั้งเรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันและความปลอดภัย

อ้างอิง : https://www.channelnewsasia.com/news/world/who-warns-against-mixing-and-matching-covid-19-vaccines-15207452

related