svasdssvasds

เทียบ ล็อกดาวน์ 63 VS ล็อกดาวน์ 64 ที่ไม่ประกาศคำว่า ล็อกดาวน์

เทียบ ล็อกดาวน์ 63 VS ล็อกดาวน์ 64 ที่ไม่ประกาศคำว่า ล็อกดาวน์

เทียบสถานการณ์ล็อกดาวน์ในประเทศไทย เมื่อปีที่แล้ว ปี 2563 กับ ล็อกดาวน์ในครั้งล่าสุดที่ไม่ประกาศคำว่า ล็อกดาวน์ และมาตรการผ่อนคลายที่เป็นการ ปรับมาตรการ นำไปสู่ Smart Control and Living with Covid-19

การล็อกดาวน์ในประเทศไทยเกิดขึ้นจริงเพียงครั้งเดียว คือเมื่อตลอดเดือนเมษายนปีที่แล้ว ซึ่งถูกเรียกว่า 'ล็อกดาวน์ 63' โดยมีคำสั่งห้ามออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. และบริการที่ไม่จำเป็นถูกสั่งปิด อาทิ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเสริมความงาม/ตัดผม สถานศึกษา ศูนย์แสดงสินค้า รวมไปถึง ตลาดและร้านสะดวกซื้อ เปิดเฉพาะแค่ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายยา

ซึ่งประกาศล็อกดาวน์ในวันที่ 24 มี.ค. 63 วันนั้นประเทศไทยมียอดติดเชื้อโควิด19 สะสมทั่วประเทศแล้วกว่า 827 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 106 ราย และคำสั่งมีผลในวันที่ 26 มี.ค. 63 สองวันให้หลังจากประกาศด้วยยอดติดรายวัน 111 ราย แต่ถึงอย่างไรก็ผ่านวันที่ติดเชื้อสูงสุดในระลอกที่ 1 ไปแล้ว เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 63 ด้วยยอดติดเชื้อรายวัน 188 ราย

ด่านตรวจโควิด19 ล็อกดาวน์

วันที่ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เกิดขึ้น 1 เดือนให้หลังจากมีคำสั่งล็อกดาวน์ โดยตลอดเดือนเมษายนทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี ในวันที่ 30 เม.ย. 63 ยอดติดเชื้อรายวันเหลือเพียงเลขหลักเดียว 7 รายเพียงเท่านั้น และมีผลในวันที่ 3 พ.ค. 63 ติดเชื้อใหม่ 3 ราย

จะเห็นได้ว่ายอดติดเชื้อใหม่ 111 รายในวันที่ล็อกดาวน์ ถึงวันที่ผ่อนคลายมาตรการเหลือผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 3 ราย ยอดติดเชื้อรายวันลดลงกว่า 97.3%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

หลังจากนั้นมาตรการผ่อนคลายแต่ละระยะ ตั้งแต่ระยะที่ 1 ถึงระยะที่ 5 ตามมาในทุกๆ 2 สัปดาห์ หรือ 14 วันโดยประมาณ

  • ระยะที่ 1 วันที่ 03 พ.ค. 63 ติดเชื้อใหม่ 3 ราย สะสม 2,969 ราย
  • ระยะที่ 2 วันที่ 17 พ.ค. 63 ติดเชื้อใหม่ 3 ราย สะสม 3,028 ราย
  • ระยะที่ 3 วันที่ 01 มิ.ย. 63 ติดเชื้อใหม่ 1 ราย สะสม 3,082 ราย
  • ระยะที่ 4 วันที่ 15 มิ.ย. 63 ติดเชื้อใหม่ 0 ราย สะสม 3,135 ราย
  • ระยะที่ 5 วันที่ 01 ก.ค. 63 ติดเชื้อใหม่ 2 ราย สะสม 3,173 ราย

ประกาศเคอร์ฟิว มีความเปลี่ยนแปลงในมาตรการผ่อนคลาย ระยะที่ 2 , 3 และ 4 โดย ปรับเวลาจาก 22.00-04.00 น. เป็น 23.00-04.00 น. , 23.00-03.00 น. และ ยกเลิก ตามลำดับ

อินโฟกราฟฟิกเปรียบเทียบล็อกดาวน์ ปี 63 และ ล็อกดาวน์ ปี 64

'ล็อกดาวน์ 64'
มาตรการล็อกดาวน์ที่ไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์ มีความคล้ายคลึงกับ 'ล็อกดาวน์ 63' คือปิดบริการที่ไม่จำเป็นทั้งหมด รวมไปถึงเคอร์ฟิว แต่ในคราวนี้แตกต่างตรงที่บริษัทเอกชนทั้งหลายไม่ได้ให้พนักงานทำงานจากข้างนอกเข้ามา (Work From Home) ไม่เหมือนกับเมื่อปีที่แล้ว ตลาดยังคงเปิดอยู่ และเคอร์ฟิวที่ขยับเร็วขึ้นมาอีก 1 ชั่วโมง เป็น 21.00 น. ถึง 04.00 น.

'ล็อกดาวน์ 64' มีคำสั่งมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 64 ซึ่งมียอดติดเชื้อใหม่กว่า 9,276 ราย ยอดติดเชื้อสะสมทั่วประเทศไปแล้วกว่า 317,506 ราย มีผลในวันที่ 12 ก.ค. 64 ซึ่งติดเชื้อใหม่ 8,656 ราย และในวันที่ 1 ส.ค. 64 ได้มีคำสั่งต่อมาตรการอีก 1 เดือน ซึ่ง ณ วันนั้นยอดติดเชื้อสูงกว่าวันที่เริ่มล็อกดาวน์ ด้วยยอดติดเชื้อรายวันกว่า 18,027 ราย ยอดสะสม 615,314 ราย

ตลอดเดือนกรกฎาคมที่ล็อกดาวน์ไป ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด19 ในประเทศไทยดีขึ้นแต่อย่างไร ยอดติดเชื้อรายวันเพิ่มและยอดติดเชื้อสะสมต่างขึ้นมาเป็น 2 เท่า

แม้จะต่อมาตรการล็อกดาวน์มาอีก 1 เดือน ในวันที่ 29 ส.ค. 64 มีประกาศมาตรการคลายล็อก ยอดติดเชื้อรายวัน 15,972 ราย ยอดติดเชื้อสะสมกว่า 1,161,200 ราย จึงเกิดเป็นคำถามจากสังคมว่า "สถานการณ์ดีขึ้นแล้วจริงหรือ ?" เพราะยอดติดเชื้อลดลงเพียง 11.4%

เทียบตรวจโควิดเชิงรุกในกรุงเทพ

เพจเฟซบุ๊ก Dr.Review ตั้งคำถามกับการ 'ผ่อนคลายมาตรการ' ว่าเหตุใดในวันที่ 1 ส.ค. 64 ที่ต่อมาตรการล็อกดาวน์ ในวันนั้นแม้จะมียอดติดเชื้อรายวัน 18,027 ราย แต่ยอดตรวจเชิงรุกกว่า 12,000 ราย พบติดเชื้อราว 2,900 ราย เท่ากับว่าพบติดเชื้อโควิดเพียง 24% แต่ในช่วงที่พิจารณาผ่อนคลายมาตรการอย่างในวันที่ 27 ส.ค. 64 ยอดติดเชื้อใหม่ 18,702 รายไม่ได้น้อยกว่าตอนที่ต่อมาตรการแต่อย่างใด ทว่ายอดตรวจเชิงรุกลดลงเหลือเพียง 5,100 ราย และพบผู้ติดเชื้อกว่า 4,700 ราย นั่นเท่ากับ 92% ของการตรวจเชิงรุกเลยมิใช่หรือ

และยิ่งเห็นได้ชัดว่า เมื่อยอดติดเชื้อใหม่ในวันที่ล็อกดาวน์มีผล วันที่ 12 ก.ค. 64 อยู่ที่ 8,656 ราย แต่วันที่ 29 ส.ค. 64 ประกาศคลายล็อกยอดติดเชื้อ 15,972 ราย ไม่ได้ลดลงเหมือนตอน 'ล็อกดาวน์ 63' แต่กลับเพิ่มมากกว่าเดิมถึง 84.52%

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

แม้ว่าวันที่ 30 ส.ค. นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ออกมาอธิบายถึงมาตรการผ่อนคลาย โดยระบุว่า "ในที่ประชุมของ ศบค. จะไม่ใช่คำว่า 'ปลดล็อก' และก็ไม่ใช่คำว่า 'ผ่อนคลาย' ด้วย แต่เป็นการปรับมาตรการ เราใช้มาตรการ 'Smart Control and Living with Covid-19' ซึ่งทั่วโลก ล้วนปรับมาตรการเผชิญหน้าโควิด19 ในลักษณะแบบนี้ เพราะฉะนั้นการจะตรึงมาตรการที่เข้มงวด มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ทำสำเร็จ"

related