svasdssvasds

เปิดเส้นทาง ตร. ไทย กัมพูชา บุกจับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ข้ามแดน

เปิดเส้นทาง ตร. ไทย กัมพูชา บุกจับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ข้ามแดน

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่รอด ตำรวจไทยและกัมพูชา ตามบุกทลายรังถึงฐานต่างแดน รวบ 21 คน กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ส่วน DES เตือนใครเปิด บัญชีม้า ระวังมีเอี่ยวฟอกเงิน

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการต้มตุ๋น ที่ใช้โทรศัพท์หลอกให้เจ้าของบัญชีโอนเงิน หรือดูดเงินออกไปจากบัญชี โดยสร้างสถานการณ์ให้เหยื่อเกิดความตื่นตระหนก หรือเข้าใจผิดว่าได้รับผลประโยชน์บางอย่างระบาดหนักและสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนไทยอย่างมาก ยิ่งโดยเฉพาะในสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ที่เหมือนเป็นการซ้ำเติมคนไทยด้วยกันเองอีกด้วย 

 

โดยในปี 2564 มีเหยื่อเข้าแจ้งความกับ บช.สอท.กว่า 1,600 คน มูลค่าความเสียหายสูงกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทางภาครัฐได้มีการขยายผลกวาดล้างอย่างจริงจัง สืบจากแหล่งหลอกคนไทยไปทำงานที่บริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้ว จนไปถึงสถานที่ปฎิบัติการต้มตุ๋น กบดานในประเทศกัมพูชา ซึ่งขบวนการนี้มีนายใหญ่อยู่ที่ประเทศจีน คอยกำกับควบคุมอยู่เบื้องหลัง 

ภาพประกอบจาก เว็บไซด์ข่าวทำเนียบรัฐบาล

จึงขอทำการไล่เรียงเส้นทางการตามจับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เกิดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพื่อให้เห็นภาพความพยายามอย่างหนักของ ตำรวจไทยและรัฐบาลกัมพูชา ที่ให้ความร่วมมือในการประสานงาน จนดำเนินการส่งตัวคนไทยที่ร่วมขบวนการนี้กลับมาดำเนินคดีในประเทศต่อไป ดังนี้ 

  • วันที่ 3 ก.พ. 2565 ปฏิบัติการบูรพา 491 ทลาย คอลเซ็นเตอร์ ตัดวงจรส่งคนไทยข้ามแดน ตำรวจ PCT และสืบสวนภาค 2 ปูพรมตะเข็บชายแดนสระแก้ว จับกุมสองสามีภรรยา เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ ได้ 2 คน อยู่ฝั่งประเทศไทยทำหน้าที่คอยประสานงานกับหัวหน้าแก๊งชาวจีนส่งคนไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา โดยได้ขยายผลพร้อมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีก 2 แก๊ง รวมทั้งสิ้น 71 หมายจับ ซึ่งอยู่ในประเทศกัมพูชา
  • วันที่ 10 ก.พ. 2565 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และคณะเดินทางไปประเทศกัมพูชาเพื่อเข้าพบผู้แทนฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา ณ. Royal Gendarmerrie of Cambodia Head Quarter เมืองพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อช่วยส่งตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีในราชอาณาจักรไทย จากการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่เหลือ ซึ่งอาศัยฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศกัมพูชา
  • วันที่ 11 ก.พ.65 ในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยกับเจ้าหน้าที่กัมพูชาได้เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 3 จุด พร้อมกันในกรุงพนมเปญ และเมืองพระสีหนุ
  • วันที่ 12 ก.พ.65 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT และ DES ได้เดินทางกลับจากกัมพูชาแล้ววานนี้ พร้อมนำผู้ต้องหา 21 ราย จาก 71 หมายจับ กลับมาดำเนินคดีได้สำเร็จ เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 3 จุดพร้อมกัน คือ

 

จุดที่ 1 อาคาร Y.N Hotel กรุงพนมเปญ ชั้น 4-8 

หลอกลวงให้ลงทุนในการซื้อขายเหรียญสกุลดิจิทัล ผ่านเว็บไซต์ Digital Alliance มีผู้เสียหายเป็นคนไทยจํานวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย

 

จุดที่ 2 อาคารตรงข้าม Sokha Vegas Caniso ในเมืองพระสีหนุ เป็นอาคาร 4 ชั้น 

แอบอ้างเป็น เจ้าหน้าที่ตํารวจ และ DSI มีคนจีนเป็นหัวหน้าคอยควบคุมดูแลสั่งการ และบังคับไม่ให้ออกไปด้านนอก ผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวงเพราะความกลัว มูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย

 

จุดที่ 3 อาคาร Chinatown GM Office ในเมืองพระสีหนุ 

แบ่งเป็น 2 กลุ่ม มีกลุ่มคนจีนควบคุมแต่ละกลุ่ม ลักษณะการหลอกลวงให้เล่นเกมส์แบบพิชิตเป็นภารกิจโดยส่งลิ้งค์ผ่านเว็บไซต์ 888168hs.com เพจ ct make money หรือ กลุ่ม PTTEP มีผู้เสียหายเป็นคนไทยจํานวนมาก มูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้อีก 13 ราย

ภาพประกอบจาก Facebook PCT POLICE 

 

โดยเจ้าหน้าที่กัมพูชาจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สระแก้ว เพื่อกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ในข้อหา เป็น อั้งยี่ซ่องโจร มีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ สำหรับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี เจ้าหน้าที่กัมพูชาจะเร่งรัดดำเนินการติดตามตัวเพื่อส่งตัวให้กลับประเทศไทยโดยเร็ว

 

ทั้งนี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวสรุปในการประชุมคณะกรรมการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ ครั้งที่ 1/2565 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) 

 

ได้เสนอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกำหนดให้พฤติการณ์การเปิดบัญชีม้าเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว โดยระบุไว้ในร่างมาตรา 50 เพิ่มเติมมาตรา 61/3 ว่า ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ โดยรู้อยู่แล้ว หรือมีเหตุอันควรรู้ว่า การกระทำดังกล่าวจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิด ฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

แนวทางร่วมอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับปัญหาด้านนี้ ได้แก่ การตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการอายัดโดยเฉพาะ  การจัดตั้งทีมเฉพาะกิจในการปฏิบัติงานในเรื่องนี้โดยเฉพาะ (สายตรวจไซเบอร์)  การประสานงานระหว่างประเทศ ในการขอข้อมูล IP Address และข้อมูลผู้กระทำความผิด  รวมทั้ง การพิจารณาจัดทำบันทึก MOU หรือตั้งคณะทำงานร่วมประเทศเพื่อนบ้าน

 

ทั้งนี้เมื่อคุณประสบเหตุการณ์สายแแปลกโทรเข้ามาแล้วล่ะก็ แนะนำให้เช็กเบื้องต้นได้จากวิธีการที่ Spring News ได้รวบรวมสรุปไว้ได้ที่

How to ตรวจเบอร์แปลก เช็กเบอร์โทรศัพท์ เผื่อเป็นมิจฉาชีพ

 

ที่มา

https://www.facebook.com/PCTPOLICE  
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/51496   
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/51474