svasdssvasds

เช็กเลย! โควิดโอไมครอน BA.1 เป็นแล้วติด BA.2 ซ้ำได้หรือไม่ อาการรุนแรงแค่ไหน

เช็กเลย! โควิดโอไมครอน BA.1 เป็นแล้วติด BA.2 ซ้ำได้หรือไม่ อาการรุนแรงแค่ไหน

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เผยโควิด "โอไมครอน" สายพันธุ์ย่อย BA.1 หากเป็นแล้ว สามารถติด BA.2 ซ้ำได้ แต่โอกาสที่จะติดเชื้อ "โอไมครอน" สายพันธุ์ย่อย "BA.2" ซ้ำ เพียงร้อยละ 1

 จากกรณีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โพสต์แจ้งติดเชื้อโควิด-19 รอบที่ 2 ภายใน 1 เดือน คาดรับเชื้อจากช่างภาพที่ร่วมงานกัน โดยทางแพทย์ชี้ "โอไมครอน" มีโอกาสติดซ้ำมากกว่าเดลตาถึง 5 เท่า

 ด้านศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า เรามีโอกาสที่จะติดเชื้อ "โอไมครอน" สายพันธุ์ย่อย "BA.2" ซ้ำ หลังจากเคยติดเชื้อ "BA.1" มาก่อนหรือไม่ โดยระบุว่า

 คำตอบคือเกิดขึ้นได้ แต่พบไม่บ่อย โอกาสที่จะติดเชื้อ "โอไมครอน" สายพันธุ์ย่อย "BA.2" ซ้ำ "เพียงร้อยละ 1" โดยมีรายงานจากหลายประเทศในยุโรป ถึงการติดเชื้อซ้ำในลักษณะนี้ ไม่พบอาการรุนแรงในผู้ติดเชื้อซ้ำ ที่จำเป็นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หรือเสียชีวิต

• BA.1 บริเวณหนามกลายพันธุ์ต่างไปจาก BA.2 จำนวน 7 ตำแหน่ง

BA.2 บริเวณหนามกลายพันธุ์ต่างไปจาก BA.1 จำนวน 5 ตำแหน่ง

เช็กเลย! โควิดโอไมครอน BA.1 เป็นแล้วติด BA.2 ซ้ำได้หรือไม่ อาการรุนแรงแค่ไหน

ทำให้ภูมิคุ้มกันแอนติบอดีที่ได้จากการติดเชื้อ BA.1 ไม่อาจปกป้องการติดเชื้อจาก BA.2 ได้ 100 %

 สาเหตุที่มีการติดเชื้อซ้ำได้ เพราะทั้ง BA.1 และ BA.2 ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว หากเปรียบเทียบกับคนเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายคือ BA.1 และ BA.2 ไม่เหมือนกันทุกส่วน เหมือนเด็กแฝด (identical twin) แต่มีความเหมือนกันในระดับพี่น้องจากพ่อแม่คนเดียวกัน บริเวณหนามบางส่วนจะมีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" แจ้งติดโควิด รอบ 2 หมอชี้โอไมครอน ติดซ้ำกว่าเดลตา 5 เท่า

• งานวิจัยชี้ โควิดโอไมครอน BA.2 เสี่ยงเด็กมากขึ้น ความรุนแรงอาการ-เสียชีวิต

• ศูนย์จีโนมฯ เตือนโควิดโอไมครอนลูกผสม BA.2-BA.1.1 กลายพันธุ์ 100 ตำแหน่ง

 ทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯตรวจหาสายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยเทคโนโลยี “Mass Array” ภายใน 24-48 ชั่วโมง ยังพบสัดส่วนของ "โอไมครอน" สายพันธุ์ย่อย  BA.1 และ BA.2 ใกล้เคียงกัน 

นอกจากนี้ จากผลวิจัยพบว่า หากผู้ติดเชื้อ "BA.1" แล้วหายอาการดีขึ้น (recovery) กลับมาติดเชื้อ " BA.2" ซ้ำได้อีก จะเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก เพราะขณะนี้ เรามีผู้ติดเชื้อเชื้อ BA.1 เป็นจำนวนมาก

 หากสามารถกลับติดเชื้อ BA.2 ซ้ำได้ ย่อมจะมีแนวโน้มจะเกิดการระบาดใหญ่ของ BA.2 เป็นคลื่น (wave) ลูกใหม่ตาม BA.1 มา อันแสดงว่าภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อ BA.1 ตามธรรมชาติไม่อาจป้องกันการติดเชื้อ BA.2 สมควรที่ WHO จะตั้งชื่อและจัดแยก “BA.2” ให้เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์หลักที่น่ากังวล (variants of concern) หรือไม่?

 แต่หากพบว่าผู้ติดเชื้อ "BA.1" แล้วอาการดีขึ้น (recovery) และไม่กลับมาติดเชื้อ "BA.2" ซ้ำอีก หรือเกิดติด BA.2 ซ้ำจำนวนไม่มาก เราก็ไม่น่ากังวลใจว่าจะเกิดการระบาดระลอกใหม่จาก BA.2 และโดยภาพรวมของไวรัสโคโรนา 2019 และ "โอไมครอน" ทั่วโลกในขณะนี้กำลังทยอยลดจำนวนลง BA.2 กลายพันธุ์ต่างจาก BA.1 ไปกว่า 40  ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าอัลฟา ต่างจากไวรัสดั้งเดิม "อู่ฮั่น"และแพร่ระบาดได้เร็วกว่า BA.1 ถึง 1.5 เท่า จากการศึกษาในเดนมาร์กที่มีการระบาดของ BA.1 และติดตามมาด้วยการระบาด BA.2 จำนวนมากกว่า 1.8 ล้าน คน พบว่า

• มีผู้ติดเชื้อ BA.1(โอไมครอน สายพันธุ์หลัก)  และตามมาด้วยการติดเชื้อซ้ำหรือ Re-infection”  ด้วย BA.2 (โอไมครอน สายพันธุ์ย่อย) หลังจากหายจากการติดชื้อโอมิครอน BA.1 (recovery) แล้ว 60 วัน เพียงร้อยละ 0.0126 ซึ่งน้อยมากคือประมาณ 1 ใน 100 

• แสดงให้เห็นว่าผู้ติดเชื้อ BA.1 มีภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อ BA.2 ซ้ำ

• ผู้ที่ติดเชื้อ BA.2 ซ้ำที่มีจำนวนไม่มากนั้น ไม่มีคนใดต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หรือเสียชีวิต

• ผู้ที่ติดเชื้อ BA.2 ซ้ำนั้นส่วนใหญ่ร้อยละ 89 ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และมีอายุน้อย (0-19 ปี)

สรุป

มีการติดเชื้อซ้ำจาก BA.2 หลังจากติดเชื้อ BA.1 ครั้งแรกได้ แต่พบได้ยาก (1 ใน 100) และจะพบยากในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยผู้ติดเชื้อซ้ำด้วย BA.2 พบว่า มีอาการไม่รุนแรงต้องเข้าโรงพยาบาล หรือเสียชีวิต 

ที่มา : Center for Medical Genomics

related