ย้อนชีวิต เจี๊ยบ กาญจนาพร หย่าสามี ติดหนี้ มีก้อนเนื้อที่รังไข่ ลูกชายจากไป

นับเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าของวงการบันเทิงไทย เมื่อ "เจย์ ศุภกาญจน์" ลูกชายของนักแสดงรุ่นใหญ่ "เจี๊ยบ กาญจนาพร" ได้ตัดสินใจจบชีวิตตนเองด้วยการผูกคอกับราวบันไดบ้าน สาเหตุเบื้องต้นของการคิดสั้นลาโลก เนื่องจากป่วยไบโพล่าร์มานานเกือบ 2 ปี ต้องรับประทานยาเป็นประจำ

โดยการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ เจย์ ศุภกาญจน์ ถือเป็นมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ของ เจี๊ยบ กาญจนาพร เป็นความสูญเสียที่ยากจะทำใจ ซึ่งหากย้อนไปปี 2562 นักแสดงรุ่นใหญ่เคยออกมาเปิดใจผ่านรายการ "คุยแซ่บโชว์" ว่าชีวิตของเธอนั้น ผ่านมรสุมมามากมาย

ทั้งเรื่องที่คุณพ่อเสียกะทันหัน ทั้งต้องหย่ากับอดีตสามี ติดหนี้จนเครียด ทำให้เป็นก้อนเนื้อตรงช่องท้อง และวันนี้ทาง "สปริงบันเทิง" จึงได้หยิบยกบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมาให้อ่านกันอีกครั้ง ดังนี้

มรสุมชีวิตเรื่องแรก คือคุณพ่อเสีย?

"คุณพ่อเสียตอนเราอายุ 26 ซึ่งพ่อยังหนุ่มอยู่เลย มันช็อกเนื่องจากเป็นอุบัติเหตุที่แรงมาก โทรศัพท์มาเราก็อึ้ง เพิ่งจะมีลูกคนที่ 2 มันเหมือนกับหมดคนที่จะปกป้องเรา เราเพิ่งแต่งงานแล้วมีลูกเลย พ่อก็จะคอยบอก คอยสอน คอยเลี้ยงลูกให้ในวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ มันก็ช็อกตรงที่ว่ามันกะทันหันเกินไป คุยโทรศัพท์อยู่ วันรุ่งขึ้นพ่อเสีย ชีวิตยังไม่ทันได้ลา"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

• เจี๊ยบ กาญจนาพร โพสต์ครั้งแรกถึงลูกชาย เจย์ ศุภกาญจน์ หลังเสียชีวิต

• เข็ม รุจิรา ช็อก! อดีตคนรัก เจย์ ศุภกาญจน์ เสียชีวิต พร้อมส่งข้อความร่วมอาลัย

• ประวัติ เจย์ ศุภกาญจน์ อดีตดีเจ-ผู้จัดละคร ลูกชายของ เจี๊ยบ กาญจนาพร

ทำใจนานแค่ไหน?

"โห...เป็นปี แล้วก็เก็บทุกอย่างของพ่อมา ไดอารี่ที่พ่อเขียน แล้วก็สิ่งที่พ่อดูเอาไว้ก่อนที่พ่อจะจากไป มันคือแม่นมาก กราฟชีวิตที่พ่อดูให้ทุกคน กราฟชีวิตพ่อบอกแล้ว ทำไมไม่ดู ก็คือบอกอายุที่พ่อจะจากไป คือวงไว้เลย ถ้าอยู่ต่อก็จะอยู่ได้นาน แต่ถ้าไปก็คือไป แต่เหมือนไม่เข้าหู แต่พอเรามาดูบุ๊กนั้น คำมันจะมา เออ...พ่อบอกแล้ว แต่เราไม่คิด

และพ่อดูให้เราด้วย ดูถึงอายุ 72 ปี พ่อดูไว้ให้เฉยๆ ไม่ได้วงอะไร แต่เรามาดูแล้วมาเปรียบเทียบกับการดูของคุณพ่อ เรารู้เลยว่าอันนี้คือบอกไว้แล้ว แล้วประกอบกับดูผูกดวง 3 หมอเท่ากันหมดเลย คือไม่เกิน 75 ปี ถามว่ากลัวมั้ย ไม่กลัว เรามาดูในวัยที่น้อมธรรมะเข้าสู่จิตใจแล้ว มันอยู่ในจุดที่เรารับได้"

มรสุมลูกที่ 2 การหย่ากับอดีตสามี ตอนนั้นพี่เจี๊ยบอายุเท่าไหร่?

"อายุ 30 ลูก 3 คน เรื่องมันผ่านมาแล้ว เป็นความที่ไม่ลงตัวกัน ไม่ใช่ความรัก มันเกิดขึ้นด้วยความเคารพ เพราะฉะนั้นเหมือนเรายังไม่รู้จักความรักเลย มันเป็นรักเคารพ อยู่ได้ด้วยความรักเคารพ แต่พอมาวันนึงเราเกิดเบื่อที่จะแบมือขอต่างๆ ด้วยความเคารพ จะทำไงดี แน่นอนว่าคนที่อายุสูงวัยกว่าเขาไม่ยอมเขาไม่ยอมให้เราออกไปทำอะไรๆ หรอก ก็จะถูกกำหนดกฎเกณฑ์เยอะไป เราก็มีความรู้สึกว่าชีวิตมนุษย์มันต้องมีสิทธิและเสรีภาพ ในเมื่ออีกฝ่ายมีสิทธิและเสรีภาพแล้ว เราล่ะทำไมถึงถูกกฎอยู่อย่างนี้ ได้อย่างนี้ ดูแลอย่างนี้ คือมันไม่ใช่เรา เราก็เลยขอ"

เหมือนเราจะตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ทำไมเราเศร้าถึงขึ้นไปบวชชีเลย?

"เพราะว่าตอนนั้นตกลงไม่ได้ เขาไม่ให้ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เศร้าหมอง จนพี่สาวบอกว่าไปเติมพลังมาให้อยู่ตรงนี้ได้ เราก็ไป 15 วัน ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย"

พอกลับมาถึงบ้าน ความเปลี่ยนแปลงที่มันเกิดขึ้นคืออะไร?

"สูดหายใจว่าเราต้องรับกรรมแล้วอยู่อย่างนี้ต่อไป แล้วจะทำยังไงที่จะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน จะต้องพูด แต่แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ เราก็หนีออกจากบ้าน กลับไปราชบุรี มันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ก็ต้องขอโทษสามีด้วย"

หลังจากที่เราแยกแล้ว พี่เจี๊ยบต้องทำงานเลี้ยงลูกเองทั้ง 3 คน?

"ใช่ค่ะ ณ จุดนั้นเริ่มต้นเลย อะไรที่ทำไม่ได้ ต้องสู้และทำให้ได้"

เห็นว่ามีไปทำงานโรงแรมด้วย?

"ทำงานโรงแรม 1 ปี ตอนนั้นงานละครยังไม่มา แต่ก็มีไกด์มาแล้วว่าน่าจะได้ เราก็รับงานโรงแรม เนื่องจากว่าผู้มีพระคุณบอกให้ไปฝึกงาน แล้วมีเงินเดือนด้วย ตอนนั้นเป็นตำแหน่งพีอาร์โซเชียล มันไม่ได้เป็นพีอาร์โดยตรง แต่เราต้องรู้ระบบ สามารถคุยกับใครได้ แล้วก็ไม่ต้องอยู่ที่โรงแรมทุกวัน ออกไปเดินแบบก็สามารถขายโรงแรมได้"

ทำหลากหลายอย่าง แต่อีกหนึ่งอย่างที่ทำแล้วเจ็บตัว นั่นก็คือการเป็นผู้จัดฯ?

"เครียดนะ เครียดตั้งแต่เรื่องแรกเลย สารพัดสิ่ง"

ทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจเป็นผู้จัดฯ?

"เรื่องของเรื่องเราทำงานพิธีกรมาสิบปี มันแบบถึงเวลาแล้วที่เราจะทำรายการของเราเอง คุยกับน้องคนนั้น คนนี้ ส่งรายการไปทุกช่อง แต่ไม่ผ่านเลย น้องก็เลยบอกว่าเสนอละครมั้ย เผื่อจะได้ เราก็ลองดู เป็นเรื่องเกี่ยวกับตลาด ผู้ใหญ่ก็จะบอกว่าไม่ชอบเรื่องเขียนเอง ชอบนวนิยาย เราก็กลับมาไปหานวนิยาย เลยหยิบเรื่อง รักเกิดในตลาดสด มาทำ ถามว่าได้กำไรมั้ย มันได้ แต่ไม่พอปี มันควรจะมีอีกเรื่องนึง พออีกปีก็ทำอีก แต่กำไรก็ไม่พอปีแล้วควักเนื้อ แล้วที่ไปกู้มาล่ะ ดอกเบี้ยทั้งนั้นเลย ต้องใช้ดอกเบี้ย ต้องใช้ภาษี ไอนู่น ไอนี่ ทำไมมันเยอะจัดขนาดนี้"

ตอนนั้นแบกอยู่เท่าไหร่?

"ต่อเรื่องต้องมี 4 ล้าน เราได้มาแล้วประมาณ 2-3 ล้าน จะทำยังไงให้มันจบเรื่อง เราต้องมี 4 ล้าน และ 4 ล้านนี้ไม่ใช่แบงก์ให้เรา"

ตอนนั้นเครียดถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล?

"ใช่ค่ะ มันทุกอย่าง จนสุดท้ายตัวเลขมา ไม่ลงตัวกับเพื่อนหุ้นส่วน คือแยกแน่ๆ ก้อนเนื้อมาเลยที่รังไข่ หมอบอกว่าคุณศึกษาธรรมมะมาแล้ว หมอต้องบอกความจริง การที่มีเลือดออกมันหนักขั้นสุดท้าย ซึ่งก้อนเนื้อมันเกิดจากความเครียด หมกหมุ่นด้วยไม่หลับไม่นอน จนมันเจ็บๆ อยู่ทางด้านขวา

ต่อมาไปปฏิบัติธรรม แต่อยู่ๆ เหมือนมีประจำเดือน แต่ปรากฏว่าเลือดนองเต็มพื้นห้องน้ำ เราก็ยังคิดว่าเป็นประจำเดือนอยู่ เป็น 14 วัน จนไม่มีแรง ต้องโทร.หาหมอที่ทำคลอด หมอบอกให้มาด่วนเลย พอตรวจมันก็ไม่ใช่เนื้อร้าย เลือดที่ออกมันคือโพรงมดลูกเป็นแผลตั้งแต่ดั้งแต่เดิม พอวัยสูงขึ้นผิวมันแห้ง โพรงมดลูกก็แห้งด้วยมันปริค่ะ เอาออกทั้งรังไข่และมดลูก ตอนนั้นท้องห้อยต้องเดินประคองท้อง โล่งทั้งหมด ธาตุทั้งหมดรวนเรหมดเลย ต้องมาฟื้นฟูธาตุกันใหม่ตั้งแต่ปีนั้นจนมาถึงปีนี้"